Page 87 - b29416_Fulltext
P. 87

85


                          หลังจากใช้ระบบเลือกตั้งผสมแบบสัดส่วน การเมืองนิวซีแลนด์ก้าวข้ามพ้นจากระบบสอง

                   พรรคใหญ่และการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว มาสู่ระบบการเมืองแบบหลายพรรค โดยมีพรรคการเมือง
                   ประมาณ 5 ถึง 6 พรรคที่ชนะการเลือกตั้งเข้าสู่สภาในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง น าไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล

                   ผสม แต่เป็นรัฐบาลผสมที่มีเสถียรภาพเพราะเป็นการจับมือกันของพรรคการเมือง 2 หรือ 3 พรรค

                   การเมืองที่มีแนวนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองใกล้เคียงกัน มิใช่รัฐบาลผสมที่ประกอบด้วย
                   พรรคจ านวนมากที่มีนโยบายกระจัดกระจาย นอกจากนั้น งานศึกษาวิจัยยังพบว่าความแตกต่างทาง

                   อุดมการณ์สุดขั้วในการเมืองนิวซีแลนด์ลดน้อยลง (เฉพาะพรรคการเมืองขนาดเล็กทั้งฝั่งซ้ายและขวา)
                   โดยพรรคการเมืองส่วนใหญ่มีอุดมการณ์ที่อยู่ตรงกลางที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก งานวิจัยที่ศึกษา

                   ผลกระทบของการปฏิรูประบบเลือกตั้งของนิวซีแลนด์พบว่าหลังจากน าระบบ MMP มาใช้ การเมือง
                   นิวซีแลนด์มีการแบ่งแยกแตกขั้วทางอุดมการณ์ (ideological polarization) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วง

                   ทศวรรษ 1970 และ 1980 (Vowles 2018, 820) ผลการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2017 ทั้งพรรค Labour

                   และ National ไม่มีใครได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ในที่สุดพรรค Labour ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรค
                   NZ First และพรรค Green ที่เน้นประเด็นสิ่งแวดล้อม

                          ในแง่ระบบพรรคการเมือง พบว่าหลังจากน าระบบเลือกตั้งผสมแบบสัดส่วนมาใช้ การเมือง

                   นิวซีแลนด์มีความเป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงและที่นั่งที่แต่ละพรรคได้รับมากขึ้น จากที่เดิมก่อน
                   การปฏิรูประบบเลือกตั้ง ความไม่เป็นสัดส่วนสูงถึง ร้อยละ 8.9 - 18.2 แต่หลังจากใช้ระบบ MMP

                   แล้ว ความไม่เป็นสัดส่วนลดลงเหลือร้อยละ 1.1 - 3.8 (Vowles 2018, 808) นอกจากความไม่เป็น
                   สัดส่วนลดลงแล้ว พรรคการเมืองและผู้แทนยังมีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากระบบบัญชีรายชื่อ

                   เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองน าเสนอผู้สมัครกลุ่มใหม่ที่ปรกติอาจจะไม่สามารถแข่งขันในระบบเขต
                   ได้อย่างเต็มที่เนื่องจากต้องสู้กับผู้สมัครที่มีฐานเสียงแน่นหนาอยู่แต่เดิม โดยพบว่าระบบการเมืองของ

                   นิวซีแลนด์หลังการปฏิรูปมีผู้แทนสตรี เมารี (Māori) และชนพื้นเมืองหมู่เกาะแปซิฟิกและเอเชียเข้าสู่

                   สภาในสัดส่วนที่มากขึ้น ดังที่ผลการเลือกตั้งปี ค.ศ. 2017 ชี้ว่าผู้แทนสตรีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ
                   40 ของสภา ในขณะเดียวกันผู้แทนชนเผ่าเมารีก็ได้ที่นั่งสูงถึงร้อยละ 22 ของสภา รวมถึงผู้แทนที่เป็น

                                                46
                   คนรุ่นใหม่ก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
                          ระบบผสมแบบสัดส่วนท างานโดยรวมได้อย่างดีในการท าให้ประชาธิปไตยของนิวซีแลนด์

                   เข้มแข็งและมีคุณภาพมากขึ้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์อยู่บ้างว่าระบบ MMP ที่น ามาใช้ท าให้พรรค

                   การเมืองขนาดเล็กมีอ านาจต่อรองมากเกินไป จนขัดขวางนโยบายส าคัญบางเรื่องไม่ให้ผ่านออกมาได้
                   ท าให้ในปี ค.ศ. 2011 รัฐบาลนิวซีแลนด์ตัดสินใจจัดท าประชามติอีกครั้งเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน

                   ทั้งประเทศทบทวนว่าจะยังคงระบบผสมแบบ MMP ต่อไปหรือไม่ ผลการลงประชามติปรากฏว่า







                   46   “ What  Canada  can  learn  from  New  Zealand  on  electoral  reform,”   The  Conversation,  29  October  2019

                   (https://theconversation.com/what-canada-can-learn-from-new-zealand-on-electoral-reform-125915).
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92