Page 83 - b29416_Fulltext
P. 83
81
ต่อผู้เลือกตั้ง ระบบเลือกตั้งที่ซับซ้อนเกินไปในการลงคะแนนและการค านวณคะแนนเพื่อแปรเป็นที่นั่ง
ของแต่ละพรรคการเมืองจะเปิดช่องให้มีการใช้อ านาจทางการเมืองแทรกแซงผลการเลือกตั้งและสร้าง
ข้อโต้แย้งระหว่างผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งอาจจะบั่นทอนความชอบธรรมของการเลือกตั้ง
และน าไปสู่ปัญหาการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งได้ (Taagepera and Shugart 1989)
หากพิจารณาในเชิงเปรียบเทียบจะพบว่า หลังการใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ประเทศไทย
มีแนวโน้มพัฒนาไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ มีลักษณะ
อยู่กึ่งกลางระหว่างแบบแองโกล-อเมริกันซึ่งเป็นระบบการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากบวกกับระบบ
พรรคการเมืองใหญ่สองพรรค กับแบบยุโรปซึ่งเป็นระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่มีระบบพรรค
การเมืองหลายพรรค โดยในระยะหลังนี้ระบบการเมืองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคพัฒนาไปสู่ระบบ
ที่พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพยายามของฝ่ายปฏิรูปการเมือง
ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง และลดอิทธิพลของมุ้งการเมือง รวมทั้งแก้ปัญหา
พรรคการเมืองที่กระจัดกระจายและไม่เป็นเอกภาพ (Reilly 2006, 188-194) ข้อสรุปจากงานวิจัย
พบว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคพัฒนาไปในทิศทางที่น่าพึงพอใจและประสบความส าเร็จในการปฏิรูป
การเมืองในการเปลี่ยนระบบการเมืองในภูมิภาคจากลักษณะที่ไม่มีเสถียรภาพ พรรคการเมืองขาด
ความเป็นเอกภาพ และการเมืองมีลักษณะยึดติดกับตัวบุคคล ไปสู่ระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพ
มากขึ้น ระบบพรรคการเมืองมีความเข้มแข็งมากกว่าเดิม และมีการแข่งขันในเชิงนโยบายสูงขึ้น
ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง น่าเสียดายว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ของไทยได้ท าลายพัฒนาการใน
ทางบวกที่ก าลังเกิดขึ้นดังกล่าวลงไป
งานวิจัยที่ศึกษาการออกแบบระบบเลือกตั้งในประเทศที่เพิ่งมีการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย
และประเทศที่ประชาธิปไตยยังไม่ตั้งมั่นเสนอว่าระบบเลือกตั้งที่ดีควรเป็นระบบที่หลีกเลี่ยงการน าไปสู่
รัฐบาลพรรคเดียวสามารถครองอ านาจทั้งหมดเพราะเสี่ยงต่อการที่พรรคการเมืองเดียวจะควบคุม
กลไกรัฐทั้งหมดโดยปราศจากการตรวจสอบ ในภาวะที่ระบบตรวจสอบในประเทศประชาธิปไตย
ดังกล่าวยังไม่เข้มแข็ง ในขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงระบบที่ท าให้เกิดพรรคการเมืองจ านวนมาก
เกินไปในลักษณะเบี้ยหัวแตกเพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมเช่นกัน จ านวน
พรรคการเมืองที่มากเกินไปในระบบจะท าให้เสียงของประชาชนกระจัดกระจาย และท าให้ยากที่จะ
สร้างรัฐบาลที่เข้มแข็งและชุดนโยบายที่มีเอกภาพ การเมืองจะเต็มไปด้วยการต่อรองต าแหน่งและ
ผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลและประคองการอยู่ในอ านาจของ
พรรคร่วมรัฐบาลเป็นส าคัญ (Carey 2018)
จากข้อพิจารณาดังกล่าว ระบบผสมเป็นระบบเลือกตั้งที่พยายามน าเอาข้อดีของระบบ
เลือกตั้งสองระบบใหญ่ที่ใช้มาแต่ดั้งเดิมในโลกมารวมกัน คือระบบแบบสัดส่วนที่เน้นความหลากหลาย
และระบบเสียงข้างมากที่เน้นความเข้มแข็งของรัฐบาล จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าหลายประเทศที่มี
การปฏิรูปการเมืองตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ทั้งในประเทศที่ประชาธิปไตยพัฒนามานานและ
ประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่จะเลือกน าเอาระบบผสมมาใช้ อาทิ อิตาลี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เป็นต้น

