Page 79 - b29416_Fulltext
P. 79

77


                          จ. ความง่ายต่อความเข้าใจของผู้ลงคะแนน (simplicity)

                          ระบบเลือกตั้งที่ดีไม่ควรมีความซับซ้อนมากจนเกินไปจนท าให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งมีความสับสน
                   และไม่สามารถลงคะแนนเสียงให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของตนได้ รวมถึงไม่ควรมีความก ากวมและ

                   เปิดช่องโหว่ในการค านวณคะแนนที่ท าให้เสียงของประชาชนในคูหาเลือกตั้งถูกบิดผันได้ง่าย

                          ดัชนีชี้วัดประการหนึ่งในการเปรียบเทียบว่าระบบเลือกตั้งแต่ละระบบมีความยากหรือง่ายต่อ
                   ความเข้าใจของผู้ลงคะแนนต่างกันหรือไม่ คือ จ านวนบัตรเสียในการใช้สิทธิแต่ละครั้ง แน่นอนว่าดัชนี

                   ตัวนี้มิใช่ดัชนีที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะบัตรเสียอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุมากกว่า 1 สาเหตุเช่น ผู้ใช้สิทธิจงใจ
                   กาบัตรเสียเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งใช้ดุลยพินิจที่

                   เข้มงวดเกินไปในการวินิจฉัยว่าการกาบัตรลักษณะใดเป็นบัตรเสีย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ได้มี
                   การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการจงใจท าให้บัตรเสียในปริมาณมากนัก เท่าที่เคยเกิดขึ้นคือ

                   การจัดการเลือกตั้งปี 2549 ที่พรรคการเมืองหลักเกือบทั้งหมดตัดสินใจไม่ลงแข่งขันการเลือกตั้ง

                   ท าให้มีประชาชนบางคนจงใจท าลายบัตรเลือกตั้งเป็นการประท้วง ส าหรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งอื่นๆ
                                                              41
                   การจงใจท าลายบัตรเลือกตั้งมิใช่ปัญหาที่เกิดขึ้น  ส าหรับการวินิจฉัยที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่
                   นับคะแนนนั้นเป็นปัญหาจริง และมีนักวิชาการและองค์กรสังเกตการณ์เลือกตั้งได้เคยท้วงติง

                   มาโดยตลอด ว่าเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งใช้เกณฑ์ที่เคร่งครัดมากเกินไปในการวินิจฉัยบัตรเสีย อาทิ
                   การใช้เครื่องหมายรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ใช่กากบาท หรือกาออกนอกช่องที่ก าหนดไว้ก็จะถูกตัดสินว่า

                   เป็นบัตรเสีย แทนที่จะมองที่เจตนารมณ์ในการเลือกของประชาชนเป็นหลัก การวินิจฉัยด้วยเหตุผล
                                                                               42
                   เชิงเทคนิคเช่นนี้ท าให้มีบัตรเลือกตั้งจ านวนมากถูกพิจารณาเป็นบัตรเสีย   แต่เนื่องจากการวินิจฉัย
                   เช่นนี้เป็นตัวแปรคงที่ในการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมาจึงไม่ได้ท าให้เกิดความเบี่ยงเบน
                   ในการเลือกตั้งแต่ละครั้งแต่อย่างใด

                          งานวิจัยนี้เห็นว่าภายใต้ข้อจ ากัดที่ไม่มีดัชนีตัวอื่นที่สมบูรณ์กว่านี้ การใช้บัตรเสียใน

                   การเปรียบเทียบเป็นวิธีวิทยาที่เป็นระบบที่สุด ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่า ประการที่หนึ่ง ทุกครั้งที่มี
                   การเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจะมีจ านวนบัตรเสียเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน่าจะสะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนระบบ

                   เลือกตั้งท าให้เกิดความสับสนหรือการเข้าใจผิดในการลงคะแนนส าหรับผู้ใช้สิทธิได้ ดังที่การน าระบบ
                   เลือกตั้งแบบผสมมาใช้เป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งปี 2544 มีบัตรเสียรวมทั้ง 2 ระบบถึงร้อยละ 6.25

                                                                   43
                   (10.01 ในระบบเขต และ 2.49 ในระบบบัญชีรายชื่อ)  แต่เมื่อใช้ระบบดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2





                   41  “ศาลสงขลา-ตรังยกฟ้องคดีฉีกบัตรเลือกตั้ง,” ประชาไท, 24 พ.ค. 2549
                   42  ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, วิจัยประเมินผลการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 (กรุงเทพฯ:
                   ส านักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2565); เครือข่ายเอเชียเพุ่อการเลือกตั้งเสรีหรือแอนเฟรล, การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทย
                   พ.ศ. 2562: โอกาสที่หลุดลอยไปส าหรับการกลับสู่ประชาธิปไตย รายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งระหว่าง
                   ประเทศของแอนเฟรลในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 ของประเทศไทย (กรุงเทพฯ: แอนเฟรล, 2562).
                   43  สมชาติ เจศรีชัย และคณะ, รายงานการวิจัย ปัจจัยที่เป็นมูลเหตุให้เกิดบัตรเสียในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544
                   (กรุงเทพฯ: ส านักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2545).
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84