Page 85 - b29416_Fulltext
P. 85
83
Powell 2004) ทั้งนี้ระบบผสมแบบสัดส่วนจะตอบโจทย์ปัญหานี้มากกว่าระบบผสมแบบเสียงข้างมาก
เพราะคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคได้จากบัญชีรายชื่อทั่วประเทศจะเป็นตัวก าหนดที่นั่งทั้งหมด
ของพรรค แต่ละพรรคจึงต้องแข่งขันกันน าเสนอนโยบายระดับชาติที่โดดเด่นที่ตอบสนองคนทั้ง
ประเทศ มิใช่เพียงในจังหวัดหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง นอกจากนั้นแต่ละพรรคยังต้องคัดสรรผู้สมัคร
ที่มีคุณภาพสูงในระบบบัญชีรายชื่อเพื่อท าให้พรรคมีความโดดเด่นและสามารถดึงคะแนนเสียงจาก
คนทุกภูมิภาคได้ ทั้งนี้การจะท าให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งเป็นพรรคระดับชาติมากกว่าพรรค
ท้องถิ่น จ าเป็นต้องมีการเพิ่มสัดส่วนที่นั่งให้กับระบบบัญชีรายชื่อ ที่ผ่านมาระบบเลือกตั้งของไทย
ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ยังให้น้ าหนักกับผู้แทนในระบบเขตสูงมาก ท าให้ลักษณะของความเป็นจังหวัดนิยม
และภูมิภาคนิยมของพรรคการเมืองยังคงอยู่ แต่ละพรรคเน้นฐานเสียงเฉพาะที่คับแคบ เพราะเดิมพัน
ส าคัญอยู่ที่การเก็บชัยชนะในเขตเลือกตั้งมากกว่าบัญชีรายชื่อ (ซึ่งมีจ านวน ส.ส.น้อย ดังเช่น ระบบ
เลือกตั้งปี พ.ศ. 2540 สัดส่วนระหว่าง ส.ส. เขตและ ส.ส. บัญชีรายชื่อ คือ 400:100)
ระบบผสมไม่ว่าจะเป็นระบบผสมแบบสัดส่วนหรือแบบเสียงข้างมากซึ่งมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบให้
ประชาชนเลือกผู้แทน 2 ประเภท (ผู้แทนในเขตเลือกตั้งกับผู้แทนในบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง)
ยังเป็นระบบเลือกตั้งที่มีความเป็นสากล ใช้ในหลายประเทศ และพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ระบบที่ยุ่งยาก
เกินไป (Shugart and Wattenberg 2001) ประเทศไทยก็เคยใช้ระบบผสมแบบเสียงข้างมากมาแล้ว
ในการเลือกตั้งถึง 4 ครั้ง (ไม่นับครั้งที่เป็นโมฆะ) คือการเลือกตั้งปี 2544, 2548, 2550 และ 2554
ส าหรับระบบผสมแบบสัดส่วนนั้น ประเทศที่เป็นต้นแบบและใช้มายาวนานที่สุดคือเยอรมนี
นอกจากนั้นก็มีประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งปรับระบบผสมแบบสัดส่วนให้ซับซ้อนน้อยลง จึงเป็นตัวแบบที่
น่าสนใจส าหรับประเทศไทย (ดังจะกล่าวต่อไปข้างหน้า)
ข้อดีอีกประการของระบบผสมแบบบัตร 2 ใบคือ เป็นระบบที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยน
รายละเอียดให้เหมาะสมกับบริบททางสังคมการเมืองที่เปลี่ยนไป โดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวระบบเลือกตั้ง
เช่น การปรับสัดส่วนที่นั่งผู้แทนระบบเขตและบัญชีรายชื่อ การปรับเกณฑ์ขั้นต่ าในระบบบัญชีรายชื่อ
เป็นต้น
บทเรียนจากการปฏิรูปการเมืองและการออกแบบระบบเลือกตั้งในนิวซีแลนด์
ปัจจุบันนิวซีแลนด์ใช้ระบบผสมแบบสัดส่วน (MMP) ระบบนี้ยึดคะแนนบัญชีรายชื่อ
ที่ประชาชนเลือกพรรคเป็นหลัก เพราะเห็นว่าท าให้จ านวนที่นั่งกับจ านวนคะแนนเสียงที่แต่ละพรรค
ได้รับจะไม่ผันแปรมาก ประเทศที่ใช้ระบบนี้ได้แก่ แอลเบเนีย โบลิเวีย เยอรมนี ฮังการี อิตาลี เลโซโท
เม็กซิโก นิวซีแลนด์ และเวเนซุเอลา (Reynolds, Reily, and Ellis 2005, 91)
ประเทศนิวซีแลนด์แต่เดิมใช้ระบบเลือกตั้งเสียงข้างมากแบบเขตเลือกตั้งเขตเดียวคนเดียว
(first past the post) แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนและนักวิชาการถึงปัญหาของระบบ
เลือกตั้งดังกล่าวมาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 โดยประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต้องการทางเลือก
ทางการเมืองที่นอกเหนือจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ครอบง าระบบการเมืองของประเทศอยู่แต่เดิม

