Page 37 - b29416_Fulltext
P. 37

35


                          ประเด็นถัดไป เราจะพิจารณาถึงสถาบันและกติกาที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งซึ่งเปลี่ยนไปจาก

                   รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 จนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560


                   11. ระบบเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 และพ.ศ. 2550: การออกแบบเชิงสถาบันและ

                   ความขัดแย้งทางการเมือง
                          การเปลี่ยนระบบเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2540 มีแรงผลักดันมาจากฉันทามติในสังคมไทยทุกภาค

                   ส่วนที่ต้องการปฏิรูปการเมืองไทยให้พ้นจากสภาวะไร้เสถียรภาพและความอ่อนแอของระบบการเมือง
                   ซึ่งเป็นผลมาจาก 1. ระบบการเมืองไทยประกอบไปด้วยพรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดกลาง

                                                                                                     21
                   จ านวนมาก ไม่มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีฐานเสียงเข้มแข็งและยึดโยงกับประชาชน
                   2. การจัดตั้งรัฐบาลแบบรัฐบาลผสมที่ไร้เสถียรภาพ ยุบสภาบ่อย และไม่ท าตามสัญญาที่หาเสียงไว้กับ

                   ประชาชน ทั้งยังมีการทุจริตสูง 3. นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้น า ผลักดันไม่สามารถผลักดันนโยบายที่

                   หาเสียงไว้ได้ส าเร็จ และไม่สามารถอยู่ครบวาระ และสุดท้าย 4.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ
                   มุ้งการเมือง (political faction) มีอ านาจต่อรองสูง เพราะได้รับเลือกตั้งมาจากฐานเสียงส่วนตัวและ

                   เครือข่ายอุปถัมภ์ จึงไม่จ าเป็นต้องอยู่ในกรอบวินัยของพรรคการเมือง ด้วยเหตุนี้พรรคการเมืองจึงมี

                   ความเป็นสถาบันทางการเมืองต่ า มีอายุสั้น และไม่สามารถท างานตอบสนองความต้องการของ
                   ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ (ประเวศ 2539;รังสรรค์ 2548).

                          ระบบเลือกตั้ง คือ สาเหตุส าคัญที่ท าให้พรรคการเมืองไทยอ่อนแอและประชาธิปไตย
                   ไร้เสถียรภาพ โดยระบบเลือกตั้งที่ใช้อยู่ก่อนปี พ.ศ. 2540 คือระบบบล็อกโหวต (Block Vote) หรือ

                   ที่เรียกกันในภาษาการเมืองไทยว่า “ระบบเลือกตั้งแบบเขตเดียวหลายเบอร์” ซึ่งถูกใช้มาอย่าง
                   ยาวนาน โดยระบบนี้เป็นระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากที่แต่ละเขตเลือกตั้งมีผู้แทนได้หลายคน

                   เอื้อให้พรรคการเมืองหลายพรรคได้ที่นั่งในเขตเลือกตั้งหนึ่งๆ ซึ่งโดยรวมน าไปสู่การมีพรรคการเมือง

                   จ านวนมากในระบบการเมืองไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2518-2539 มีพรรคการเมืองที่มีโอกาสชนะ
                   การเลือกตั้งหรือมีบทบาทสูงในการแข่งขันทางการเมือง (effective number of national parties)

                   มากกว่า 6 พรรค ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกตั้ง การปฏิรูป
                   รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 จึงมุ่งหมายที่จะลดจ านวนพรรคการเมืองเพื่อแก้ปัญหาความไร้เสถียรภาพ

                   ทางการเมือง (Siripan 2006; Hicken 2007b)

                          ระบบการเลือกตั้งแบบเขตเดียวหลายเบอร์ยังท าให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้สมัครภายใน
                   พรรคการเมืองเดียวกัน ท าให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ขาดความเป็นเอกภาพ และเกิดเป็น

                   กลุ่มมุ้งย่อยๆ มากมาย มีการย้ายสังกัดพรรคการเมืองของนักการเมืองจ านวนมากทุกครั้งที่มีการ
                   เลือกตั้ง ระบบดังกล่าวเอื้อให้ผู้สมัครมุ่งสร้างคะแนนนิยมเฉพาะกับฐานเสียงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง

                   แคบๆ ของตน และต่างคนต่างมุ่งสัญญาว่าจะตอบแทนผลประโยชน์ในลักษณะแรงจูงใจระยะสั้นที่




                   21  ภาพรวมเกี่ยวกับพรรคการเมืองขนาดเล็กในการเมืองไทย ดูการศึกษาของ มนตรี (2548).
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42