Page 33 - b29416_Fulltext
P. 33
31
ปี 2540 ถึงปัจจุบัน จากนั้นพิจารณาเป้าหมายของระบบเลือกตั้งที่ส าคัญส าหรับประเทศไทยใน
ปัจจุบัน เพื่อออกแบบระบบเลือกตั้งที่เหมาะสมที่สุดส าหรับสังคมไทย ท่ามกลางทางเลือกของระบบ
เลือกตั้งหลากหลายประเภทที่มีอยู่ในโลก
โดยโจทย์ที่ส าคัญที่สุดส าหรับการเมืองไทย ณ ขณะนี้คือ การท าให้กฎกติกาและสถาบัน
การเมืองที่จะน ามาใช้ได้รับความเห็นพ้องต้องกันจากทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกฝ่ายกลับมาเล่นในกติกาที่
ตกลงร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อถือศรัทธาที่คนมีต่อสถาบันการเมืองและปฏิรูปสถาบันการเมืองให้
15
สามารถเป็นกลไกตอบสนองข้อเรียกร้องของทุกฝ่ายได้
16
10. การเมืองเรื่องการเลือกตั้งจาก พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2562
การเลือกตั้งทั่วไปสองครั้งล่าสุดของไทยเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2557 และ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการ
เลือกตั้งที่สร้างผลกระทบต่อความขัดแย้งและคุณภาพประชาธิปไตยของไทยอย่างมหาศาล โดยมี
รูปแบบความขัดแย้งและความรุนแรงแบบใหม่ปรากฏให้เห็น มีการมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มต่างๆ
ในหลากหลายวิธีการ เกิดรูปแบบการแข่งขันและรณรงค์หาเสียงแบบใหม่ของพรรคการเมืองและกลุ่ม
การเมือง ทั้งยังปรากฏรอยแบ่งแยกทางสังคม (social cleavages) ที่ชัดเจนในหลายมิติ ซึ่งประเด็น
เหล่านี้จะถูกอภิปรายในรายละเอียดในส่วนถัดไป เพื่อที่จะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงและการคลี่คลาย
ขยายตัวของการเมืองเรื่องการเลือกตั้งของไทยก่อนปี พ.ศ. 2557 และ พ.ศ. 2562 จ าเป็นที่จะต้อง
ย้อนกลับไปถึงความเปลี่ยนแปลงส าคัญที่เกิดขึ้นในระบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองของไทยอันเป็น
ผลมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 ในส่วนนี้จะอธิบายถึงการเลือกตั้งของไทยจากช่วงปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นปี
ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถึงปี พ.ศ. 2554 โดยในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2540-2554
มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นทั้งสิ้น 5 ครั้ง คือ
1. การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้กติกาใหม่ของรัฐธรรมนูญ
ฉบับปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่กับพรรค
ไทยรักไทยซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2541 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคไทยรักไทยที่ก่อตั้งโดยนาย
ทักษิณ ชินวัตรชนะการเลือกตั้งเหนือพรรคคู่แข่งในลักษณะทิ้งห่าง โดยได้ที่นั่งในสภาฯ รวม 248 ที่
นั่ง (จาก 500 ที่นั่ง) จนเกือบจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การ
15 ทั้งนี้ความเชื่อถือศรัทธาทางการเมืองนั้นวัดได้จากตัวแปรหลัก 4 ตัวด้วยกันคือ หนึ่ง ความรู้สึกว่าระบบการเมือง (หรือระบบเลือกตั้ง)
ยุติธรรม สอง ระดับความพึงพอใจต่อกระบวนการประชาธิปไตย สาม ความรู้สึกว่าตนเองในฐานะพลเมืองสามารถมีอิทธิพลต่อ
กระบวนการทางการเมือง และสุดท้ายระดับการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองที่แสดงให้เห็นว่ายังยอมรับระบบการเมืองนั้น เช่น การ
จัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าแข่งขันในการเลือกตั้ง (Norris 2002, 217)
16 ปรับปรุงเพิ่มเติมจาก Prajak Kongkirati, “The Rise and Fall of Electoral Violence in Thailand: Changing Rules,
Structures and Power Landscapes, 1997–2011,” Contemporary Southeast Asia 36, 3 (December 2014): 386-416;
Prajak Kongkirati, “Murder and Regress: Violence and Political Change in Thailand,” in Michael Montesano, Terence
Chong and Mark Heng (eds.), After Coup: The National Council for Peace and Order Era and the Future of Thailand
(Singapore: ISEAS, 2019c).