Page 28 - b29416_Fulltext
P. 28

26


                   สิทธิทางการเมืองที่เท่าเทียมแก่พลเมืองทุกคนตามหลักการหนึ่งคนหนึ่งเสียง ไม่มีการลิดรอนสิทธิโดย

                   ใช้ปัจจัยเรื่องรายได้ สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา ระดับการศึกษา มาเป็นตัวตัดสิน (ยกเว้นเกณฑ์เรื่องอายุที่
                   มักจะมีการก าหนดเกณฑ์ขั้นต่ าไว้ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละสังคม หรือเกณฑ์การจ าคุกต้องโทษ) และ

                   นอกจากนั้นการเลือกตั้งยังต้องเกิดขึ้นอย่างสม่ าเสมอ เสรี และบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อสะท้อน

                   เจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริงและป้องกันไม่ให้ใครอยู่ในต าแหน่งยาวนานเกินไปซึ่งจะเสี่ยง
                   ต่อการผูกขาดอ านาจหรือใช้อ านาจอย่างฉ้อฉล เมื่อรัฐบาลหรือผู้น าด ารงต าแหน่งครบวาระจึงต้องลง

                   จากอ านาจ และเข้าสู่กระบวนการแข่งขันทางการเมืองให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง
                          รูปแบบประชาธิปไตยเลือกตั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักคิดบางส านักที่เน้น “คุณภาพ” ของ

                   ประชาธิปไตยว่า ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยที่คับแคบเกินไป เน้นกระบวนการ
                   (process) มากกว่าเนื้อหาแก่นสาร (substance) ของการปกครอง โดยเฉพาะการจ ากัดและ

                   ตรวจสอบผู้มีอ านาจรัฐ การเคารพสิทธิเสรีภาพ การยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด

                   การที่รัฐบาลต้องท างานสนองตอบต่อความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้จะท าให้
                   ประชาธิปไตยมีคุณค่าอย่างแท้จริงและสร้างหลักประกันว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะไม่ใช้อ านาจ

                   อย่างเผด็จการเสียเอง แต่นักวิชาการที่สนับสนุนการนิยามประชาธิปไตยโดยมีการเลือกตั้งเป็น

                   องค์ประกอบส าคัญโต้แย้งว่า การนิยามเช่นนี้เป็นการนิยามประชาธิปไตยที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
                   ที่สุด สามารถศึกษาและจ าแนกได้อย่างไม่มีข้อโต้เถียงว่าประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นประชาธิปไตย

                   หรือไม่ โดยดูจากเกณฑ์เดียวที่เป็นมาตรฐาน คือ การมีการแข่งขันเลือกตั้งที่เสรี บริสุทธิ์ ยุติธรรม
                   และสม่ าเสมอ ไม่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดครอบครองอ านาจและใช้อ านาจรัฐโดยปราศจากความ

                   เห็นชอบของประชาชน ฉะนั้น เมื่อใช้เกณฑ์นี้ประเทศเผด็จการอ านาจนิยมก็คือประเทศที่อ านาจรัฐ
                   และการตัดสินใจนโยบายระดับประเทศตกอยู่ในมือของคณะบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

                   (unelected power) ในขณะที่การนิยามประชาธิปไตยในเชิงเนื้อหามีลักษณะนามธรรมและใช้

                   อัตวิสัยสูง ยากแก่การเปรียบเทียบและจ าแนกความแตกต่างของแต่ละประเทศอย่างเป็นระบบ


                          องค์กรระหว่างประเทศที่ทรงอิทธิพลในการจัดท าดัชนีประชาธิปไตยที่ชื่อว่า Freedom
                   House ได้ท าระบบการให้คะแนนความเป็นประชาธิปไตยของแต่ละประเทศเป็นประจ าทุกปี โดย

                   ประเทศที่เข้าเกณฑ์เป็นประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งคือประเทศที่จ าต้องมีองค์ประกอบ 4 ประการ

                   ต่อไปนี้ คือ 1. ระบบพรรคการเมืองที่หลากหลายและมีการแข่งขัน 2. สิทธิการเลือกตั้งส าหรับ
                   พลเมืองทุกคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วโดยไม่มีการแบ่งแยกกีดกัน 3. การใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้เลือกตั้ง

                   เป็นความลับ ทุกฝ่ายสามารถแข่งขันและใช้สิทธิอย่างปลอดภัย ปราศจากการโกง และ 4. การรณรงค์
                   หาเสียงท าได้โดยเสรี สื่อมีพื้นที่ให้ทุกฝ่ายน าเสนอนโยบายได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ Freedom

                   House แยกประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งออกจากประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ประเทศที่ได้คะแนนถึง

                   เกณฑ์การเป็นประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งอาจจะไม่เข้าข่ายเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม หาก
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33