Page 32 - b29416_Fulltext
P. 32
30
ในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ปรับเปลี่ยนระบบเลือกตั้งครั้งใหญ่
แม้ว่าจะใช้ชื่อว่าเป็นระบบผสมในลักษณะ “จัดสรรปันส่วนผสม” คือ ยังมีผู้แทนทั้งสองประเภท
ได้แก่ผู้แทนในระบบเขต (จ านวน 350 คน) และผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อ (จ านวน 150 คน)
แต่ก าหนดให้ผู้เลือกตั้งมีบัตรเลือกตั้งแค่ใบเดียวซึ่งเลือกได้แค่ผู้สมัครในระบบเขตเท่านั้น และน า
คะแนนที่แต่ละพรรคได้จากระบบเขตไปค านวณเป็นที่นั่งทั้งหมดของพรรครวมถึงที่นั่งในระบบบัญชี
13
รายชื่อด้วย ระบบเลือกตั้งดังกล่าวนี้ถือว่าหันเหออกไปจากระบบผสมแบบคู่ขนานที่ประเทศไทยใช้
มาในรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ในขณะเดียวกันก็ไม่เหมือนระบบผสมแบบสัดส่วนที่มีประเทศ
เยอรมนีเป็นต้นแบบ เพราะระบบผสมทั้งแบบคู่ขนานและแบบเยอรมนีนั้นใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้แทนทั้งสองแบบแยกจากกัน ระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมได้รับ
การคัดค้านจากพรรคการเมืองหลักของประเทศเกือบทุกพรรค และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
จากผู้สังเกตการณ์และนักวิชาการ ว่าเป็นระบบที่ขาดความยุติธรรม ขาดหลักวิชารองรับ สร้างความ
สับสนให้ประชาชน และท าให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ ในขณะที่คณะกรรมการร่างให้เหตุผล
ปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าเหมาะสมกับการเมืองไทยและท าให้คะแนนของประชาชนทุกเสียงมี
ความหมาย และแก้ปัญหาความไม่เป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกับที่นั่งของพรรคการเมือง
(อภิปรายรายละเอียดต่อไปข้างหน้า)
หลังจากใช้ระบบดังกล่าวมาได้ไม่นาน ระบบเลือกตั้งกลับมาเป็นประเด็นในการถกเถียง
อีกครั้งในสังคม เกิดความพยายามของพรรคการเมืองต่างๆ ยื่นร่างแก้ไขผ่านรัฐสภาเพื่อปรับเปลี่ยน
ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวแบบจัดสรรปันส่วนผสมตามรัฐธรรมนูญ 2560 กลับไปสู่ระบบเลือกตั้งแบบ
ผสมที่ใช้บัตร 2 ใบเพื่อเลือกผู้แทนทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อแยกจากกันอีกครั้ง ซึ่งยังคงต้อง
เฝ้าติดตามสังเกตการณ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม การแก้ไขระบบเลือกตั้งแบบเร่งด่วนในสภาครั้งนี้
14
ดูเหมือนจะเป็นไปเพื่อตอบโจทย์ความได้เปรียบและเสียเปรียบในการเลือกตั้งของแต่ละพรรค
การเมืองเท่านั้น โดยมิได้ค านึงถึงผลประโยชน์ของส่วนร่วมและเป้าหมายระยะยาวของการออกแบบ
สถาบันทางการเมืองดังที่กรอบแนวคิดของงานวิจัยชิ้นนี้พยายามชี้ให้เห็น
งานวิจัยชิ้นนี้จะใช้กรอบแนวคิดเรื่องการออกแบบสถาบันทางการเมืองและระบบเลือกตั้ง
โดยค านึงถึงความสัมพันธ์เชิงอ านาจ ปัญหาที่ประเทศเผชิญในอดีตและปัจจุบัน และบริบทความ
ขัดแย้งทางสังคม วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของระบบเลือกตั้งแต่ละระบบที่ประเทศไทยน ามาใช้ตั้งแต่
นอกจากนี้ได้ก าหนดให้ ส.ส. มีอิสระจากพรรคการเมืองในการตั้งกระทู้ การอภิปราย และการลงมติไม่ไว้วางใจ รวมทั้งสามารถเสนอร่าง
กฎหมายได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพรรคการเมืองที่ตนสังกัด” (น. 20).
13 ดูรายละเอียดเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม พ.ศ. 2560 และวิธีการได้มาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรใน “รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 134 ตอนที่ 40ก, 6 เม.ย. 2560, หมวด 7 รัฐสภา, ส่วนที่ 2 “สภา
ผู้แทนราษฎร,” น. 22-30. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/A/047/1.PDF
14 ณ ขณะที่เขียนนี้ รัฐสภาได้ตกลงที่จะกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบผสมที่มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มีผู้แทนในระบบเขต 400 คน และ
ผู้แทนระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับรายละเอียดอื่นๆ รวมถึงวิธีค านวณเพื่อแปรคะแนนเสียงไปเป็น
ที่นั่งที่แต่ละพรรคได้รับ, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ, “แก้รัฐธรรมนูญ: รัฐสภาให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ 149 ส.ว. โหวตเห็นชอบร่าง
แก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3,” บีบีซีไทย, 10 ก.ย. 2564. https://www.bbc.com/thai/thailand-58510872.