Page 30 - b29416_Fulltext
P. 30

28


                   มาตรฐาน ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ ชนชั้นน าที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งยังคงมีอิทธิพลสูงและ

                   แทรกแซงการเมือง และภาคประชาสังคมขาดความเข้มแข้ง ฯลฯ สรุปคือ องค์ประกอบที่ส าคัญของ
                   ประชาธิปไตยล้วนขาดการพัฒนา โดยเฉพาะการขาดกติกาทางการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน

                   ทั้งหมดนี้ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของระบอบประชาธิปไตย และความสามารถในการอยู่รอดของ

                   ประชาธิปไตย (Schedler 1998; Diamond and Morlino 2004; Diamond, Plattner and Costopoulos
                   2010)


                   9. ความเปลี่ยนแปลงในระบบเลือกตั้งของไทย และหนทางสู่การแก้ไขความขัดแย้งและสร้าง

                   ประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ
                          ระบบเลือกตั้งไทยมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาเพียงสิบปี คือ ในปี 2540,

                   2550 และ 2560 ซึ่งนับว่าไม่ค่อยปรกติและไม่เป็นผลดีนักต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะท าให้เกิด

                   ความแปรปรวนของกฎกติกา และความไม่มีเสถียรภาพของกฎเกณฑ์ที่ยอมรับร่วมกันในการแข่งขัน
                              9
                   ทางการเมือง
                           ในการจัดท ารัฐธรรมนูญปี 2540 มีการใช้ระบบเขตเดียวคนเดียว (first past the post) -

                   FPTP) ในส่วน ส.ส. เขตผสมกับระบบบัญชีรายชื่อแบบปิดที่ใช้เขตเลือกตั้งทั้งประเทศ (List
                   Proportional Representation System - List PR) มาแทนที่ระบบบล็อกโหวตที่ประเทศไทยใช้มา

                   อย่างยาวนาน โดยก าหนดให้มีผู้แทนในระบบเขต 400 คน และผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน
                   และก าหนดเกณฑ์เพดานขั้นต่ า (threshold) ส าหรับพรรคการเมืองที่จะได้รับการจัดสรรที่นั่ง

                                                10
                   ในระบบบัญชีรายชื่อไว้ที่ร้อยละ 5   กล่าวโดยสรุปคือ เราเปลี่ยนจากการใช้ระบบเลือกตั้งเสียงข้าง
                   มากมาเป็นระบบผสมแบบคู่ขนาน ทั้งนี้ระบบบล็อกโหวตซึ่งเป็นหนึ่งในระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้าง

                   มากที่เราใช้อยู่แต่เดิมซึ่งแต่ละเขตเลือกตั้งมีผู้แทนได้หลายคนเอื้อให้มีพรรคการเมืองหลายพรรคได้ที่

                   นั่งในเขตเลือกตั้งหนึ่งๆ ซึ่งโดยรวมน าไปสู่การมีพรรคการเมืองจ านวนมากในระบบการเมืองไทย
                   การปฏิรูปรัฐธรรมนูญปี 2540 มุ่งหมายที่จะลดจ านวนพรรคการเมืองเพื่อแก้ปัญหาความไร้

                   เสถียรภาพทางการเมือง
                          รัฐธรรมนูญฉบับ 2550  ยังคงระบบเลือกตั้งแบบคู่ขนานแต่เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งใน
                                              11
                   ระบบเขตจากเขตเดียวคนเดียว (FPTP) ไปเป็นเขตเดียวหลายคน (Block vote) ซึ่งส่งผลในการ




                   9  นักวิชาการบางท่านเสนอว่าหลังมีการน าระบบเลือกตั้งแบบใหม่มาใช้ ควรเปิดโอกาสให้มีการจัดการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย
                   สามครั้งก่อนที่จะตัดสินว่าระบบดังกล่าวมีความเหมาะสมต่อสังคมนั้นๆ หรือไม่ (Taagepera 1998).
                   10  รายละเอียดเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง พ.ศ. 2540 และวิธีการได้มาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรใน “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                   พุทธศักราช 2540,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 114 ตอนที่ 55ก, 11 ต.ค. 2540, หมวด 6 รัฐสภา, ส่วนที่ 2 “สภาผู้แทนราษฎร,” น. 19-
                   29. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/A/055/1.PDF
                   11  ดูรายละเอียดเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 และวิธีการได้มาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรใน “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                   พุทธศักราช 2550,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 124 ตอนที่ 47ก, 24 ส.ค. 2550, หมวด 6 รัฐสภา, ส่วนที่ 2 “สภาผู้แทนราษฎร,” น. 30-
                   39. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/A/047/1.PDF
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35