Page 26 - b29416_Fulltext
P. 26

24


                          กรณีของไทย ระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ยังคงระบบคู่ขนานเอาไว้

                   แต่เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งในระบบเขตจาก FPTP ไปเป็น BV ซึ่งเป็นการผสมผสานที่แทบไม่มี
                   ประเทศใดในโลกใช้ยกเว้นประเทศโมนาโก เพราะส่งผลในการท าลายความเข้มแข็งของพรรค

                   การเมือง และการเปลี่ยนระบบปาร์ตี้ลิสต์จากเขตเลือกตั้งทั้งประเทศไปเป็นเขตเลือกตั้งภูมิภาค

                   (ซึ่งไม่ได้สะท้อนความเป็นตัวแทนอะไร โดยหลักการในการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้นปรกติต้องมีเกณฑ์
                   ดังต่อไปนี้ ก. ขนาดประชากร ข. ความเกาะเกี่ยวกันของประชากรในเขตเลือกตั้งนั้น ค. ความเป็น

                   ชุมชนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันในลักษณะใดลักษณะหนึ่งของเขตเลือกตั้งนั้น ง. ความต่อเนื่องของพื้นที่
                   ที่ต้องมีขอบเขตเชื่อมต่อถึงกัน Reynolds, Reily, and Ellis 2005, 153) ก็ไม่ช่วยสร้างความเข้มแข็ง

                   ให้กับพรรคการเมืองเช่นกัน
                          2) แบบสัดส่วนที่มีการผสมผสานของผู้แทน (Mixed Member Proportional -MMP)

                   ซึ่งผสมผสานทั้งแบบเสียงข้างมากและแบบสัดส่วนเช่นกัน ข้อต่างจากระบบผสมแบบคู่ขนานคือ

                   ระบบย่อยที่เป็นแบบสัดส่วนจะท าการชดเชยที่นั่งให้กับพรรคการเมือง ถ้ามีความไม่เป็นสัดส่วน
                   เกิดขึ้นในระบบเสียงข้างมาก ผลลัพธ์ก็คือ ระบบแบบนี้มักจะมีความเป็นสัดส่วนมากกว่าระบบคู่ขนาน

                   ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศเยอรมนี เวลาผู้มีสิทธิออกเสียงไปลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ละคนมีคะแนน

                   เสียงสองคะแนนคือ เลือกส.ส. เขต กับเลือกบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง การค านวณหาที่นั่งในสภา
                   ของแต่ละพรรคการเมืองก็ท าโดยเอาคะแนนบัญชีรายชื่อที่พรรคได้รับมาค านวณก่อนว่าพรรคนั้นจะ

                   ได้กี่ที่นั่ง แล้วก็ไปดูว่าผู้สมัครสส.เขตของพรรคนั้นชนะมากี่เขต แล้วเอาสองตัวเลขนี้มาหักลบกันโดย
                   ยึดเอาคะแนนของบัญชีรายชื่อเป็นตัวตั้ง เช่น พรรค ก ได้ที่นั่งจากบัญชีรายชื่อทั้งหมด 250 ที่นั่ง และ

                   ได้ส.ส.เขต 100 เขต ก็เอา 100 มาหักออกจาก 250 พรรคนั้นก็จะได้สส.เขต 100 ตามที่ได้รับเลือก
                   จริงๆ แล้วอีก 150 ก็จะมาจากบัญชีรายชื่อ รวมได้ที่นั่งทั้งหมด 250 ที่นั่ง ระบบนี้ยึดคะแนนบัญชี

                   รายชื่อที่ประชาชนเลือกพรรคเป็นหลัก เพราะเห็นว่าท าให้จ านวนที่นั่งกับจ านวนคะแนนเสียงที่แต่ละ

                   พรรคได้รับจะไม่ผันแปรมาก  ประเทศที่ใช้ระบบนี้ได้แก่ แอลเบเนีย โบลิเวีย เยอรมนี ฮังการี อิตาลี
                   เลโซโท เม็กซิโก นิวซีแลนด์ และเวเนซุเอลา ประเทศเหล่านี้มักจะให้สัดส่วนที่นั่งที่มาจากระบบเขต

                   มากกว่าบัญชีรายชื่อ ยกเว้น ฮังการีที่จ านวนผู้แทนจากระบบสัดส่วนสูงกว่า (54% ต่อ 46%) และ
                   เยอรมนีที่จ านวนผู้แทนจากทั้งสองระบบมีจ านวนเท่ากัน และเกือบทั้งหมด (ยกเว้นฮังการี) ใช้ระบบ

                   FPTP ในการเลือกตั้งระบบเขต (Reynolds, Reily, and Ellis 2005, 91)

                          ระบบผสมถูกน าไปใช้อย่างกว้างขวางในประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่ในแอฟริกาและอดีต
                   สหภาพโซเวียต นิวซีแลนด์เป็นตัวอย่างประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วที่น่าสนใจ เพราะเปลี่ยน

                   ระบบการเลือกตั้งจากสกุลหนึ่งไปอีกสกุลหนึ่งหลังจากใช้ระบบนั้นมาอย่างยาวนาน ในกรณีนี้เปลี่ยน
                   จาก FPTP มาเป็น MMP หลังจากมีการจัดท าประชามติในปี 2535-2536 (Reynolds, Reily, and

                   Ellis 2005, 100) เนื่องจากเห็นปัญหาว่าระบบ FPTP ท าร้ายพรรคเล็กและให้ที่นั่งกับพรรคใหญ่มาก

                   เกินกว่าคะแนนเสียงที่พรรคใหญ่ได้ (ปัญหา over-representation) (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ
                   นิวซีแลนด์ข้างหน้า)
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31