Page 19 - b29416_Fulltext
P. 19
17
5. เสียงของชนกลุ่มน้อย เป้าหมายข้อนี้ดูเผินๆ อาจจะเหมือนเป้าหมายที่สี่ แต่อันที่จริงแล้ว
ไม่ใช่ และเป็นเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญในทางการเมืองและนโยบาย ส าหรับเป้าหมาย
ประการสุดท้ายนี้มุ่งไปที่การให้ชนกลุ่มน้อยมีที่นั่งในสภา เช่น มีการเสนอว่าชนกลุ่มน้อยควรมีที่นั่ง
ตามสัดส่วนประชากรของพวกเขา สมมติว่า ประเทศหนึ่งมีประชากรมุสลิมคิดเป็น 10% ผู้สนับสนุน
แนวคิดนี้เสนอว่าระบบการเลือกตั้งควรจะประกันให้มีผู้แทนมุสลิมคิดเป็น 10% ในสภา ทั้งนี้อาจจะ
ใช้ระบบโควตา หรือใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่เพิ่มโอกาสให้กับพรรคการเมืองของ
ชนกลุ่มน้อย ระบบเลือกตั้งบางแบบอาจจะให้ผลลัพธ์ที่สะท้อนผู้แทนชนกลุ่มน้อยต่ ากว่าสัดส่วน
ประชากรที่พวกเขามี เช่น การใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมาก (เช่น FPTP) ในสังคมที่ชนกลุ่ม
น้อยอยู่อย่างกระจัดกระจายท าให้ยากที่ผู้แทนชนกลุ่มน้อยจะได้รับเลือก อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียง
กันอย่างเผ็ดร้อนในหลายประเด็นเกี่ยวกับเป้าหมายประการนี้ เช่น จ าเป็นแค่ไหนที่จะต้องมีที่นั่งของ
ชนกลุ่มน้อยตรงตามสัดส่วนประชากร รวมทั้งประเด็นปัญหาที่ว่าเราจะนิยาม “ผู้แทนชนกลุ่มน้อย”
อย่างไร เช่น ผู้แทนของคนมุสลิมนั้นต้องนับถือศาสนาอิสลาม หรือเป็นใครก็ได้ขอเพียงให้มีนโยบาย
และตั้งใจที่จะท างานเพื่อคนมุสลิมเป็นการเฉพาะ เพราะบ่อยครั้งพบว่าผู้แทนที่มาจากชนกลุ่มน้อย
อาจจะไม่ได้เป็นปากเสียงให้กับกลุ่มของตนเองเมื่อพวกเขาได้รับที่นั่งในสภา (Reilly 2006; Horowitz
2003) ที่กล่าวว่าเป้าหมายข้อนี้ต่างจากข้อที่สี่ เพราะเป้าหมายข้อที่สี่ถึงที่สุดแล้วมุ่งสร้างความร่วมมือ
ระหว่างกลุ่มต่างๆ หรือมุ่งที่จะป้องกันไม่ให้ประเด็นความแตกต่างทางศาสนา/ชาติพันธุ์ถูกปลุกเร้า
เป็นประเด็นทางการเมือง มุ่งสร้างพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนกลางๆ ของคนทุกกลุ่มมากกว่าที่จะ
สนับสนุนให้เกิดพรรคการเมืองของชนกลุ่มน้อยที่ชูประเด็นอัตลักษณ์มาหาเสียงในการแข่งขันเลือกตั้ง
7
7. ประเภทของระบบเลือกตั้ง: คุณลักษณะและความแตกต่างหลากหลาย
ในการที่จะออกแบบหรือปฏิรูประบบเลือกตั้งให้มีความเหมาะสม นอกจากเราต้องมีความรู้
เกี่ยวกับสถานการณ์และลักษณะเฉพาะของปัญหาของสังคมของเราแล้ว เราจ าเป็นต้องมีความรอบรู้
เกี่ยวกับระบบเลือกตั้งแบบต่างๆ ที่มีการใช้อยู่ทั่วโลก เพื่อที่จะทราบถึงทางเลือกทั้งหมด และข้อดี
ข้อด้อยของระบบเลือกตั้งแบบต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างรอบคอบในการรับเอาระบบเลือกตั้งแบบ
ใดแบบหนึ่งมาใช้
การแบ่งระบบเลือกตั้งท าได้หลายวิธีด้วยกัน แต่วิธีการแบ่งที่ได้รับการยอมรับโดยนักวิชาการ
ส่วนใหญ่คือ การแบ่งโดยดูที่องค์ประกอบหลักของระบบเลือกตั้งว่ามีลักษณะอย่างไรและวิธีที่คะแนน
เสียงถูกแปรไปเป็นจ านวนที่นั่งในสภา ในกรณีขององค์ประกอบหลักของระบบการเลือกตั้งมีสาม
องค์ประกอบด้วยกัน (ดู Farrell 2001, 4-10) หนึ่ง ขนาดของเขตเลือกตั้ง (district magnitude) ซึ่ง
หมายถึงจ านวนที่นั่งผู้แทนต่อเขตการเลือกตั้งหนึ่งๆ ซึ่งเขตเลือกตั้งมีตั้งแต่เล็กที่สุดคือเขตเลือกตั้งที่มี
7 ประมวลจาก Reynolds, Reily, and Ellis 2005; Farrell 2001; Norris 2004; Horowitz 2003; Gallagher and Mitchell 2005;
Herron, Pekkanen, and Shugart 2018; สิริพรรณ 2561.