Page 16 - b29416_Fulltext
P. 16
14
ให้เกิดการแข่งขันในเชิงนโยบายหรือเพื่อเอื้อให้เกิดการแข่งขันโดยเน้นความนิยมของตัวบุคคล
เป็นหลัก มันอาจถูกออกแบบเพื่อมุ่งให้เกิดรัฐบาลพรรคเดียว สองพรรค หรือรัฐบาลผสมหลายพรรค
นอกจากนั้น ระบบเลือกตั้งต่างระบบกันก็เอื้อให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยมีตัวแทนในระบอบการเมือง
มากน้อยแตกต่างกันไป สุดท้าย ระบบเลือกตั้งอาจเสริมสร้างให้เกิดความร่วมมือหรืออาจขยายความ
ขัดแย้งให้เพิ่มสูงขึ้นได้เช่นเดียวกัน (Reynolds 2002; Lijphart 2004; Norris 2004; Reilly 2006)
ข้อควรค านึงในการออกแบบระบบเลือกตั้ง
เมื่อสังคมการเมืองก าลังอยู่ในห้วงเวลาของการค้นหากติกาทางการเมืองเพื่อสร้างฉันทามติ
ใหม่ในประเด็นที่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง ข้อควรค านึงในการออกแบบระบบเลือกตั้งมีดังต่อไปนี้
1. ประวัติศาสตร์ของสังคมว่ามีวิวัฒนาการมาอย่างไร องค์ประกอบทางสังคมและวัฒนธรรม
ทางการเมืองเป็นเช่นไร มีลักษณะเป็นพหุสังคมมากน้อยแค่ไหน ระดับความแตกต่างหลากหลายทาง
ศาสนา ชาติพันธุ์ สีผิว ภาษา และอัตลักษณ์ต่างๆ เป็นอย่างไร ซึ่งลักษณะทางสังคมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น
ในการออกแบบระบบเลือกตั้ง เพราะบางประเทศไม่มีปัญหาในเรื่องความแตกแยกทางศาสนา/ชาติ
พันธุ์ จึงไม่จ าเป็นต้องค านึงถึงการเลือกใช้ระบบเลือกตั้งที่จะมาประสานรอยร้าวดังกล่าว
2. ต้นทุนในการออกแบบและสถาปนาระบบการเลือกตั้ง เช่น บางระบบซับซ้อนเกินไปใน
การค านวณคะแนน หรือต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง เช่น ระบบการจัดการเลือกตั้งสองรอบ (two-round
system) หรือต้นทุนในแง่ที่ว่าความซับซ้อนของระบบไปกีดกันผู้เลือกตั้งที่ขาดความรู้ทางเทคนิคหรือ
มีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ต่ าออกไปจากการใช้สิทธิทางการเมืองอย่างเสมอภาค ฉะนั้น
การออกแบบระบบเลือกตั้งควรยึดหลักความเรียบง่ายเพื่อให้คนจ านวนกว้างขวางที่สุดสามารถใช้สิทธิ
ของพวกเขาได้อย่างเท่าเทียมกับผู้อื่น
3. โครงสร้างรัฐ (ว่าเป็นรัฐเดี่ยวหรือสหพันธรัฐ) และระดับการกระจายอ านาจของรัฐเป็น
ประเด็นส าคัญที่ต้องพิจารณาในการก าหนดหรือออกแบบระบบการเลือกตั้งด้วย การออกแบบการ
เลือกตั้งในระดับมลรัฐและท้องถิ่นระดับต่างๆ (ต าบล จังหวัด) ว่าควรจะเลือกใช้รูปแบบใดสัมพันธ์
อย่างแยกไม่ออกกับนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการกระจายอ านาจ นอกจากนั้นระบบสภาเดี่ยว
หรือสภาคู่ก็ส าคัญส าหรับการออกแบบระบบการเลือกตั้งด้วย เช่น การมีสองสภาเพื่อให้แต่ละสภามี
อ านาจและท าหน้าที่ต่างกัน มีฐานที่มาคนละแบบ และดังนั้นจึงสะท้อนความเป็นตัวแทนประชาชน
ต่างชนิดกัน ฉะนั้นวิธีการในการเลือกตั้งผู้แทนทั้งสองสภาจึงควรมีความแตกต่างกัน เป็นต้น
4. ต้องค านึงถึงลักษณะเฉพาะของปัญหาในสังคม ณ ขณะนั้น เพื่อก าหนดเป้าหมายว่า
ต้องการออกแบบสถาบันการเมืองเพื่อไปบรรลุเป้าหมายใด ทั้งนี้เป้าหมายที่พึงประสงค์มีหลาย
ประการและเป้าหมายแต่ละอันอาจขัดแย้งกันหรือไปด้วยกันไม่ได้ เป็นการยากที่จะฝันถึงการบรรลุถึง
ระบบการเลือกตั้งในอุดมคติที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ดีทุกประการ นักวิชาการที่ศึกษาเรื่องนี้มี
ข้อสรุปตรงกันว่าไม่มีระบบการเลือกตั้งใดดีกว่าอีกระบบโดยเด็ดขาด มันขึ้นอยู่กับว่าสังคมนั้นต้องการ
บรรลุวัตถุประสงค์อะไรในทางการเมือง โดยข้อสรุปจากงานวิจัยเปรียบเทียบในประเทศต่างๆ มีอยู่ว่า