Page 12 - b29416_Fulltext
P. 12

10


                          หนทางในการปฏิรูปการเลือกตั้ง ต้องเริ่มต้นจากการตระหนักว่าภายใต้เงื่อนไขและ

                   สภาพแวดล้อมบางอย่าง กระบวนการเลือกตั้งและการออกแบบระบบเลือกตั้งอาจเป็นที่มาของ
                   ความขัดแย้งอันตึงเครียดและความรุนแรงได้ ดังนั้น งานวิจัยชิ้นนี้จึงตั้งอยู่บนโจทย์ที่ว่าเราจะ

                   ออกแบบสถาบันการเมืองโดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งอย่างไรให้อุดมการณ์ ผลประโยชน์ และ

                   อัตลักษณ์อันหลากหลายของผู้คนในสังคมได้สะท้อนออกมาอย่างอิสระเสรีและเสมอภาคเท่าเทียม
                   สามารถรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นจากความขัดแย้งของอุดมการณ์

                   ผลประโยชน์ และอัตลักษณ์ที่แตกต่างได้ นอกจากนั้น ระบบเลือกตั้งที่เหมาะสมควรสร้างความ
                   เข้มแข็งให้กับระบบพรรคการเมือง และเสริมสร้างประสิทธิภาพการท างานของรัฐบาลในการรับมือกับ

                   วิกฤตที่ท้าทายด้วย


                   5. การเลือกตั้งในฐานะกลไกเชิงสถาบันเพื่อแก้ไขความขัดแย้งและความรุนแรง

                          ระบบเลือกตั้งนอกจากใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการคัดเลือกตัวแทนและผู้บริหารประเทศตามที่
                   เข้าใจกันทั่วไปแล้ว ยังสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการระงับบรรเทาความขัดแย้งในสังคมด้วย

                   อย่างไรก็ตาม เราต้องเริ่มต้นด้วยการตั้งค าถามว่า การเลือกตั้งสามารถเป็นกลไกเชิงสถาบันในการ

                   แก้ไขความขัดแย้งและป้องกันความรุนแรงได้อย่างไร? เพื่อจะตอบค าถามนี้ จ าเป็นต้องพิจารณาว่า
                   สังคมการเมืองในรูปแบบรัฐชาติมีวิธีในการจัดการความขัดแย้งอย่างไรบ้าง

                          กล่าวโดยรวบยอดแล้ววิธีที่รัฐๆ หนึ่งจะจัดการกับปัญหาความขัดแย้งและแบ่งฝัก
                   แบ่งฝ่ายภายในชาตินั้นมีอยู่สามรูปแบบหลักด้วยกัน (Reilly 2006; Sisk 1996) รูปแบบที่หนึ่ง คือ

                   การปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดโดยรัฐท าการสถาปนาอ านาจเผด็จการเหนือสังคม รัฐแบบนี้ใช้กลไก
                   ความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นทหาร ต ารวจ คุก รวมทั้งความรุนแรงนอกกฎหมายโดยรัฐ (state violence)

                   เป็นเครื่องมือหลักในการกดปราบความขัดแย้ง ในสังคมแบบแรกนี้ แม้แต่ความขัดแย้งและความเห็น

                   ที่แตกต่างก็มิอาจมีได้เพราะถูกถือว่าเป็นอาชญากรรมที่คุกคามความมั่นคงของรัฐ ความขัดแย้งมักจะ
                   ถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปรกติผิดธรรมชาติ โดยรัฐใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการควบคุมไม่ให้

                   ความขัดแย้งได้แสดงออก ในรูปแบบที่หนึ่งนี้ สถาบันการเลือกตั้งมักจะถูกท าลายหรือถูกยกเลิก
                   เช่น รัฐไทยในช่วงปี 2501-2512 ซึ่งครอบคลุมยุคเผด็จการทหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

                   มาจนถึงรัฐบาลจอมพลถนอมที่เว้นวรรคการเลือกตั้งเป็นเวลาถึง 11 ปี หรือรัฐบาลเผด็จการทหาร

                   พม่าที่ไม่อนุญาตให้มีการจัดการเลือกตั้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน จากปี 2533-2553 (Prajak 2013)
                          รูปแบบที่สอง คือ เปิดให้มีการแข่งขันและแสดงออกซึ่งความคิดเห็นได้ แต่ในระดับที่จ ากัด

                   อย่างยิ่ง รัฐยังคงควบคุมสอดส่องการแสดงความคิดเห็นของพลเมือง และใช้มาตรการทั้งทางกฎหมาย
                   และการข่มขู่ไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองในประเด็นที่รัฐไม่ต้องการ

                   ในรูปแบบที่สองนี้ สถาบันการเลือกตั้งยังคงท างานอยู่ แต่จะเป็นการเลือกตั้งที่ถูกก ากับควบคุมจาก

                   ชนชั้นน าของรัฐ ไม่ได้มีการแข่งขันกันอย่างเสรีและยุติธรรม และผลการเลือกตั้งมักจะถูกคาดการณ์ได้
                   ล่วงหน้าว่าจะออกมาเช่นไร การเลือกตั้งจึงไม่ได้เป็นสถาบันที่สะท้อนออกซึ่งเจตจ านงของประชาชน
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17