Page 8 - b29416_Fulltext
P. 8
6
กับเพียงเงื่อนไขทางสังคมและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการออกแบบสถาบันการเมืองอย่าง
รอบคอบและเหมาะสมด้วย (March and Olsen 1984; Bastian and Luckham 2003; Diamond
1999) แน่นอนว่าสถาบันการเมืองไม่ใช่ยาวิเศษที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างให้ลุล่วงลงไปได้ การปรับปรุง
แก้ไขสถาบันทางการเมืองจึงควรเป็นสิ่งที่ด าเนินควบคู่ไปกับการแก้ไขปัจจัยอื่นๆ
ควรกล่าวไว้ด้วยว่า มีส านักคิดบางส านักที่มองว่าการออกแบบสถาบันเป็นค าที่ขัดกันใน
ตัวเอง เพราะขึ้นชื่อว่าอะไรที่เป็น “สถาบัน” นั้น หมายถึงมันวิวัฒนาการ เติบโต และใช้เวลาในการ
ฝังรากลึกจนได้รับการยอมรับและประพฤติปฏิบัติเป็นประจ าสม่ าเสมอจากคนในสังคม ฉะนั้นไม่ว่าจะ
มีความพยายามออกแบบดีอย่างไร ประวัติศาสตร์ อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด และเล่ห์กลทางการเมืองก็
สามารถพลิกทุกอย่างให้กลับตาลปัตรและก่อให้เกิดผลที่ไม่ได้คาดคิดหรือตรงข้ามกับที่ผู้ออกแบบ
สถาบันการเมืองตั้งใจ (unintended consequences) อย่างไรก็ตาม ค าถามคือ เรามีทางเลือก
หรือไม่ ถ้าสมมติว่าระบบระเบียบของสถาบันการเมืองในสังคมหนึ่งนั้นพิสูจน์แล้วว่าไม่ท างานหรือ
ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง หรือมีข้อบกพร่องมากมายซึ่งตระหนักรับรู้ชัดเจนในหมู่คน
ทั่วไป หรือระบบที่ขาดไร้ประสิทธิภาพและความชอบธรรม หรือระบบการเมืองที่คอร์รัปและ
เอื้ออ านวยประโยชน์ให้คนเพียงกลุ่มเดียว เช่นในแอฟริกาใต้ อูกันดา ศรีลังกา บอสเนีย ฟิจิ ฯลฯ
ในสถานการณ์เหล่านี้ค าถามที่ควรถามไม่ใช่ว่าเราควรออกแบบสถาบันการเมืองแบบใหม่หรือไม่
ค าถามอยู่ที่ว่าควรออกแบบอย่างไรและให้ใครเข้ามามีส่วนร่วมบ้าง
ส านักคิดอีกส านักหนึ่งที่เราอาจจะเรียกว่าส านักสัจนิยม (realism) ซึ่งมองว่าความสัมพันธ์
ทางอ านาจเป็นหัวใจและตัวแปรหลักของการจัดวางความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการเมืองต่างๆ นัก
คิดในส านักนี้เสนอว่าโครงสร้างสถาบันการเมืองเป็นผลผลิตของดุลอ านาจของกลุ่มต่างๆ ในสังคม
มากกว่าจะเป็นผลผลิตของการออกแบบอย่างมีเหตุมีผลตามอุดมคติหรือตามหลักวิชา (Geddes
1
1996) อย่างไรก็ตาม เราอาจโต้แย้งได้ว่าในบางสถานการณ์ เช่น กรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรงใน
สังคม ปัจจัยอื่นๆ ที่นอกเหนือดุลก าลังอ านาจก็มีส่วนก าหนดเนื้อหาของรัฐธรรมนูญด้วย ไม่ว่าจะเป็น
อุดมคติ อุดมการณ์ ความใฝ่ฝัน หรือความกระตือรือร้นของพลเมือง ล้วนมีส่วนในการผลักดันเนื้อหา
ของการปฏิรูปการเมือง ดังที่เราพบได้ในขบวนการปฏิรูปการเมืองที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
(Reynolds, Reilly, and Ellis 2005, 20-23) นอกจากนี้ การออกแบบสถาบันการเมืองหรือปฏิรูป
การเมืองที่ไม่ได้เป็นไปตามอุดมคติทุกประการก็ยังสามารถส่งผลทางบวก คือ เอื้อให้เกิดการขยาย
พื้นที่การเมืองและการมีส่วนร่วมของพลเมืองได้ ซึ่งในระยะยาวแล้วก็ส่งผลในการปรับเปลี่ยน
ความสัมพันธ์ทางอ านาจได้เช่นกัน (Bastian and Luckham, 2003, 309) กล่าวในอีกแง่ก็คือ ชนชั้น
น าในทุกสังคมไม่สามารถควบคุมผลสะเทือนของการปรับเปลี่ยนกฎกติกาและสถาบันทางการเมืองได้
เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
1 ดูความเห็นในท านองเดียวกันในงานคลาสสิคของเสน่ห์ จามริก (2529) ที่เสนอให้ศึกษารัฐธรรมนูญในฐานะผลผลิตของความสัมพันธ์
ทางอ านาจ