Page 13 - b29416_Fulltext
P. 13
11
อย่างแท้จริง ในสังคมเช่นนี้ ความขัดแย้งในพื้นที่สาธารณะมีให้เห็นอย่างจ ากัดเพราะถูกกดทับเอาไว้
โดยรัฐ (แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความขัดแย้งด ารงอยู่ในสังคม) มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นตัวอย่างของ
6
รูปแบบที่สองนี้
รูปแบบสุดท้าย คือ การเปิดให้พลเมืองมีสิทธิเสรีภาพอย่างเปิดกว้างและเท่าเทียมในการ
แสดงออกซึ่งความคิดเห็นหรือทัศนะทางการเมือง รวมทั้งการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มและ/หรือพรรค
การเมืองเพื่อแข่งขันในการเลือกตั้งที่มีการจัดขึ้นอย่างเสรีและยุติธรรม และสิทธิในการเลือกตั้งไม่ถูก
จ ากัดให้อยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในสังคมเช่นนี้ความขัดแย้งถูกมองเป็นเรื่องปรกติ และเปิดเผยในที่
พื้นที่สาธารณะ และมีช่องทางตามระบบให้ความขัดแย้งได้สะท้อนออกมาและได้รับการแก้ไขผ่านตาม
ช่องทางอันหลากหลาย พลเมืองในรัฐเช่นนี้สามารถยึดถืออุดมการณ์ ผลประโยชน์และอัตลักษณ์
อันแตกต่างหลากหลาย โดยมิถูกควบคุมบงการโดยรัฐ กระทั่งมีสิทธิจัดตั้งกลุ่มหรือพรรคการเมือง
เพื่อรณรงค์และพิทักษ์อุดมการณ์ ผลประโยชน์และอัตลักษณ์ของตนได้
งานวิจัยชิ้นนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยปรารถนาที่จะเดินบนเส้นทางที่
สามนี้ ซึ่งน าไปสู่โจทย์ที่ว่าเราจะออกแบบสถาบันการเมืองโดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งอย่างไรให้
อุดมการณ์ ผลประโยชน์ และอัตลักษณ์อันหลากหลายของผู้คนในสังคมได้สะท้อนออกมาอย่าง
อิสระเสรีและเสมอภาคเท่าเทียม รวมทั้งสามารถรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้น
จากความขัดแย้งของอุดมการณ์ ผลประโยชน์ และอัตลักษณ์ที่แตกต่างได้
6. ที่มา หนทางสู่การปฏิรูป และการเมืองของการออกแบบระบบเลือกตั้ง (politics of electoral
system design)
ประเด็นส าคัญต่อมาคือ อะไรคือสาเหตุที่ท าให้แต่ละประเทศมีระบบเลือกตั้งที่แตกต่างกัน
ออกไป ผลจากการวิจัยพบว่าหลายประเทศไม่ได้มีอ านาจในการเลือกระบบเลือกตั้งที่ตนเองต้องการ
อย่างเสรีหากเป็นมรดกตกทอดมาจากอดีต หรือมาจากเหตุผลอื่นๆ ที่นอกเหนือการควบคุม ทั้งนี้
การส ารวจเปรียบเทียบประเทศต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพบว่ามีรูปแบบหลักอยู่ 6 รูปแบบ
ด้วยกันในการได้มาซึ่งระบบการเลือกตั้ง (Reynolds, Reily, and Ellis 2005, 15)
หนึ่ง ถูกก าหนดมาจากเบื้องบนโดยเจ้าอาณานิคม โดยคนพื้นเมืองไม่มีสิทธิมีเสียง
ในการเลือก (มาลาวี หมู่เกาะโซโลมอน ปาปัวนิวกินี)
6 งานรัฐศาสตร์ด้านการเมืองเปรียบเทียบกลุ่มหนึ่งเรียกระบอบการเมืองที่มีการเลือกตั้ง แต่ผลการเลือกตั้งถูกก าหนดไว้ล่วงหน้าโดยชน
ชั้นน าที่ควบคุมอ านาจ จนท าให้กระบวนการเลือกตั้งยากที่จะน าไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นนี้ว่า “ระบอบเผด็จการที่มีการ
แข่งขัน” (competitive authoritarianism) หรือ “ระบอบเผด็จการจากการเลือกตั้ง” ดูงานส าคัญในกลุ่มนี้อาทิ Steven Levitsky
and Lucan Way (2010), Competitive Authoritarianism: Hybrid Regimes after the Cold War (Cambridge University
Press); Kendall-Taylor, Andrea and Erica Frantz (2015), “Mimicking Democracy to Prolong Autocracies,” The
Washington Quarterly, 37: 4, pp. 71-84; Jason Brownlee (2007), Authoritarianism in an Age of Democratization
(Cambridge: Cambridge University Press).