Page 116 - b29256_Fulltext
P. 116

ปกครองส่วนท้องที่หรือประจำเมืองและจังหวัดที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 7 จึงเกิดจากเงินบริจาคและเรี่ยไรจากคนในท้องถิ่น

            เป็นส่วนมาก


                   การถกเถียงและหาแนวทางในการปกครองท้องที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองเพื่อคลายความกดดัน
            ทางการเมืองที่กระแสประชาธิปไตยเชี่ยวกรากในสยามช่วงรัชกาลที่ 7 นั้น นำมาสู่การนำเสนอรูปแบบการปกครอง

            ท้องที่ชุมนุมชนที่เป็นเมืองตามความเห็นของอธิบดีกรมสาธารณสุข หม่อมเจ้าสกลวรรณา-กร วรวรรณ ในปาฐกถาเรื่อง

            “การปกครองโดยลักษณเทศบาล” ที่ทรงแสดงต่อที่ประชุมสมุหเทศาภิบาลเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน  2472 ซึ่งได้ให้
            กำเนิดของคำว่าเทศบาลดังความว่า “คำว่าเทศบาล, ประกอบขึ้นด้วยคำสันสกฤตสองคำคือ “เทศ” แปลว่าถิ่น และ

            “บาล” แปลว่าปกครอง แต่ในที่นี้จักจำกัดความให้แคบกว่าการปกครองท้องที่โดยเบ็ดเสร็จคือหมายฉะเพาะถึงการ
                            268
            ปกครองชุมนุมชน”  หลังจากนั้นมาคำว่าเทศบาลได้ถูกใช้แทนคำว่าสุขาภิบาลและประชาภิบาลในความหมายของ
            การจัด municipality ที่เคยจัดกันมาก่อนและนำไปสู่การร่างพระราชบัญญัติเทศบาลในปีต่อมาและจนกระทั่งจัดการ

            ปกครองขึ้นจริงในปี 2476 ก็ยังคงใช้คำนี้เป็นหลักเรื่อยมา
                   แนวคิดการจัดตั้งเทศบาลในสมัยรัชกาลที่ 7 นั้นหลังจากถกเถียงหาแนวทางมาแต่ต้นรัชกาล และมีการทำ

            รายงานศึกษาและเปรียบเทียบการจัดการปกครองแบบประชาภิบาลมาหลายฉบับรวมทั้งฉบับของนายอาร์ ดี. เครก ที่
            เสนอรายงานการจัดประชาภิบาลสำหรับกรุงเทพฯ หลังจากกลับมาจากยุโรปในปี พ.ศ. 2473 อีกฉบับ ทำให้

            กระทรวงมหาดไทยต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งมีหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณเป็นประธานมาพิจารณา

            ข้อเสนอทั้งหมดแล้วยกร่างพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2473 ขึ้นมา มีข้อสังเกตว่าการเลือกใช้คำเรียกการปกครอง
            municipality ว่าเทศบาลคงมาจากหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ ประธานร่างกฎหมายฉบับนี้นี่เอง ณัฐพล ใจจริง

            และศรัญญู เทพสงเคราะห์ได้เสนอการวิเคราะห์ว่าร่างพระราชบัญญัตินี้ยังคงมีลักษณะของการควบคุมโดยรัฐให้ทำ

            หน้าที่ “การบำรุง” โดยปราศจาก “การปกครอง” กล่าวคือในหลักการสำคัญของเทศบาลนั้นจะให้ความสำคัญทั้ง
            “การบำรุง” ท้องที่ชุมนุมชนที่จะให้ความสำคัญกับการสาธารณสุขและการแพทย์เป็นภารกิจสำคัญในทุกระดับเทศบาล

            ในขณะเดียวกันก็มีความพยายามเพิ่มหลักการสำคัญคือ “การปกครอง” คือให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการบริหารแก่

            องค์กรปกครองเทศบาลให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่วมใช้อำนาจปกครองในการออกเทศบัญญัติปกครอง
            ชุมชนท้องที่ของตนเองและนำรายได้ของตนมาบำรุงท้องที่ จนนำมาสู่การถกเถียงกันของผู้ปกครองในสมัย

            สมบูรณาญาสิทธิราชย์ในประเด็นสำคัญ คือการจะให้ชาวจีนมาทำหน้าที่ร่วมปกครองได้แค่ไหนจะต้องมีคุณสมบัติที่รัฐ
            ไทยกำหนดให้กลายเป็นไทยด้วยการอาศัยอยู่นานเกิน 15 ปี สามารถพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้ มีถิ่นที่อยู่อาศัย มี

            ทรัพย์สินและจ่ายภาษีให้กับท้องที่นั้น การจะให้สิทธิการเลือกตั้งตัวแทนมาทำหน้าที่ได้อย่างไร จนทำให้การประกาศใช้
                                                                                                    269
            ร่างพระราชบัญญัติเทศบาลเป็นไปอย่างล่าช้าไม่ทันได้ประกาศใช้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียก่อน





                   268  สจช. ม.ร.7ม/29. การปกครองโดยลักษณะเทศบาลซึ่งอธิบดีกรมสาธารณสุขทรงแสดงในที่ประชุมเทศา พ.ศ. 2472. (19 -

            28 พฤศจิกายน 2472). หน้า 3.
                   269 ณัฐพล ใจจริงและศรัญญู เทพสงเคราะห์, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับแนวพระราชดำริด้านการปกครอง

            ท้องถิ่น, กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2558, หน้า 85-110.
                                                           115
   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120   121