Page 111 - b29256_Fulltext
P. 111

เนื่องจากการขยายกิจการตั้งสุขาภิบาลนั้นต่อมาเป็นไปได้ด้วยดี มหาดไทยจึงจัดตั้งขึ้นในที่แห่งอื่นบ้างตาม

            ความชํานาญที่ได้จากท่าฉลอม จึงได้รับพระราชทานเงินค่าภาษีโรง ร้าน ซึ่งเก็บไว้ในตําบลนั้นไว้สําหรับใช้จ่าย แต่
            จํานวนเงินที่เก็บได้ไม่สู้จะแน่นอน ต่อมามีบางมณฑล เช่นมณฑลพายัพขอร้องให้จัดการสุขาภิบาล เช่นนั้นบ้าง ซึ่งมีผู้ที่

            จงรักภักดียอมออกเงินช่วยเหลือบ้าง ต่อนั้นมาก็เกิดตั้งกันขึ้นอีกมากโดยความนิยม ถ้าเมืองไหนไม่ตั้งก็ออกจะถูกหา
            ต่างๆ ส่วนทางกระทรวงมหาดไทยที่ตั้งกรมบุราภิบาลขึ้นสําหรับรับการขัดข้อง กรมบุราภิบาลนี้ก็อยากได้เงินภาษีอื่นๆ

            มาชดเชยอีกด้วย จึงเกิดปัญหาในการควบคุมกำกับดูแลเพราะไปก้าวก่ายไม่ได้ ไปอำนวยการเท่าที่ควร
                                                                                               251
                   โดยหน้าที่หลักของสุขาภิบาลก็เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดเช่นกันกล่าวคือเดิมทีสุขาภิบาลตำบลตลาดท่าฉลอม
            เมืองสมุทรสาครทำหน้าที่หลักเพียงรักษาความสะอาด ทำถนนและจุดโคมไฟตามเขตชุมชน แต่หลังประกาศใช้

            พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลหัวเมือง ร.ศ. 127 มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการสาธารณสุขและการสาธารณูปโภค

            เป็นสำคัญจึงกำหนดหน้าที่เพิ่มให้มีการรักษาพยาบาล ได้แก่ การปลูกฝี จัดหายารักษาโรคทำลายแหล่งเพราะเชื้อโรค
            และจัดหานำสะอาดไว้ให้ราษฎรใช้ เพราะท้องที่บางแห่งเกิดโรคระบาดทุกปีคือ ฝีดาษ อหิวาตกโรคและกาฬโรค การ

                                                                         252
            ปรับปรุงชุมชนให้สะอาดและเป็นระเบียบจึงเป็นการป้องกันการเกิดโรคได้ดี  โดยการเน้นไปทำบทบาทหน้าที่ทางด้าน
            การแพทย์สาธารณสุขมากขึ้นเมื่อรัฐบาลต้องการขยายงานด้านนี้ไปสู่ภูมิภาค หลังการลาออกของสมเด็จกรมพระยา

            ดำรงราชานุภาพแล้วพระยามหาอำมาตยาธิบดีขึ้นมารั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแทน จึงได้ปรับปรุง

            หน่วยงานให้โอนงานด้านสุขาภิบาลหัวเมืองเข้ามาสังกัดอยู่กับกรมพยาบาลที่ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2455 เพื่อที่สุขาภิบาลหัว
            เมืองจะได้เป็นหน่วยงานที่ช่วยขยายงานด้านสาธารณสุขออกไปยังหัวเมืองต่างๆ โดยใช้เงินทุนที่หาได้ในท้องถิ่นเอง ถือ

            เป็นการปรับเปลี่ยนลักษณะงานไปเป็นอย่างที่เรียกว่า “ซะนิตอริบอรด์ (sanitary board)” หรือกรรมการด้านอนามัย
                  253
            มากขึ้น  เนื่องจากสมัยนั้นการรักษาโรคตามหัวเมืองจะจัดให้มีเพียงจ่ายยาตำราหลวง และแพทย์ประจำเมืองที่ไม่ได้
            เป็นแพทย์ปริญญาที่จะมีความรู้เรื่องการผ่าตัดหรือการรักษาโรคที่ซับซ้อนได้ นอกจากนี้การปรับปรุงแก้ไข

            พระราชบัญญัติสุขาภิบาลหัวเมือง 2458 (จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475) ยังทำให้เกิดการตั้งสุขาภิบาลขึ้น
            เป็นจำนวนมากถึง 22 แห่ง เป็นสุขาภิบาลท้องที่ 8 แห่ง และสุขาภิบาลเมือง 14 แห่ง เพิ่มเร็วขึ้นมากจากเดิมหลัง

            ประกาศพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลหัวเมือง ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) มีเพียง 13 แห่งเป็นสุขาภิบาลเมือง 12 แห่ง

                          254
            และตำบล 1 แห่ง
                   ในทศวรรษ 2460 งานด้านสาธารณสุขชัดเจนขึ้นหลังการตั้งกรมสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2461  เนื่องจากตั้งแต่

            พ.ศ. 2465 ได้มีแนวคิดการรวมหน้าที่ราชการกระทรวงนครบาลเข้าไว้ในกระทรวงมหาดไทย ด้วยการให้กรมสุขาภิบาล


                   251  สจช. ม.ร7 ม/12. จัดการประชาภิบาล (เทศบาล). 12 ส.ค.2469-11 ก.ย.2471, หน้า 95
                   252  สุวัสดี โภชน์พันธุ์, “เทศบาลและผลกระทบต่ออำนาจท้องถิ่น พ.ศ. 2476-2500,” วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร มหาบัณฑิต
            สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543,  หน้า 17-18.

                   253  สุวัสดี โภชน์พันธุ์, “เทศบาลและผลกระทบต่ออำนาจท้องถิ่น พ.ศ. 2476-2500,” วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร มหาบัณฑิต
            สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543,  หน้า 29-31.
                   254  สุวัสดี โภชน์พันธุ์, “เทศบาลและผลกระทบต่ออำนาจท้องถิ่น พ.ศ. 2476-2500,” วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร มหาบัณฑิต

            สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543,  หน้า 23-24, 29-30.
                                                           110
   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116