Page 114 - b29256_Fulltext
P. 114

สำหรับพิจารณาศึกษางานประชาภิบาลทั้งในและต่างประเทศเพื่อวางโครงการประชาภิบาลสำหรับประเทศสยามขึ้น

            โดยคณะกรรมการประกอบด้วยนายอาร์.ดี. เครก ที่ปรึกษากรมทะเบียนที่ดินเป็นประธานกรรมการ อำมาตย์เอกพระ
            กฤษณามรพันธ์ ผู้ชำนาญการบัญชี กระทรวงการคลัง พระยาจินดารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นกรรมการ

            และนายบุญเชย ปิตรชาติ จากกรมอัยการเป็นเลขานุการ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการชุดนี้ได้ถวายรายงานการศึกษา

            ประชาภิบาลเปรียบเทียบที่จัดทำขึ้นในชื่อ “Report of Municipal Commission” ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2471
            แบ่งเนื้อหาเป็น 3 ส่วน ได้แก่

                   ส่วนที่ 1 คือรายงานการประชาภิบาลในสยาม
                   ส่วนที่ 2 รายงานการจัดประชาภิบาลในอาณานิคมใกล้เคียงกับประเทศสยามคือ ชวา สิงคโปร์ ฮ่องกงและ

            ฟิลิปปินส์เป็นข้อมูลเปรียบเทียบ

                   และส่วนที่ 3 คือส่วนของการร่างข้อเสนอการจัดประชาภิบาลในสยามในชื่อว่า “เค้าโครงนโยบายประชาภิบาล
            ของสยาม” (Proposals for Future Policy) ที่มีเนื้อหาสำคัญคือให้การควบคุมเงินให้กระทรวงการคลังตั้งสมุห์บัญชี

            เป็นเจ้าหน้าที่ประชาภิบาลดูแลจัดการเหมือนอย่างในฟิลิปปินส์
                   ส่วนประเด็นหน่วยงานที่จะสังกัดดูแลกรรมการเสนอให้ตั้งกรมใหม่มาทำหน้าที่แทนกรมสาธารณสุขแต่สังกัด

            ในกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกันในชื่อว่า Department of Local Government Board” ทำหน้าที่ควบคุมและ

            ส่งเสริมการปปกครองประชาภิบาลอย่างใกล้ชิด ทั้งยังกำหนดให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจอนุมัติงบประมาณ
                                                  263
            และกฎหมายท้องถิ่นที่ประชาภิบาลเสนอขึ้นมา
                   ในรายงานฉบับนี้ยังมีข้อเสนอสำคัญเรื่องเกณฑ์การตั้งประชาภิบาลที่ได้เสนอให้จัดแบ่งฐานะประชาภิบาลเป็น

            3 ชั้นตามเกณฑ์รายได้และจำนวนประชากร คือ 1) ประชาภิบาลชั้นหนึ่ง ต้องมีรายได้ตั้งแต่ 30, 000 บาทขึ้นไปและมี

            จำนวนราษฎร 8,000 คน 2) ประชาภิบาลชั้นสอง มีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปและมีจำนวนราษฎร 4,000 คน 3)
            ประชาภิบาลชั้นสาม มีรายได้ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป และมีจำนวนราษฎร 2,000 คน ส่วนท้องที่ใดมีรายได้ต่ำกว่า

            5,000 บาทให้อยู่ภายใต้การบริการของมณฑลเทศาภิบาลต่อไป ส่วนคณะกรรมการบริหารประชาภิบาลนั้นยังให้

            ข้าราชการในท้องที่เป็นหลักแล้วจำนวน 5 ตำแหน่งคงที่เหมือนกันทุกชั้น ยังได้เพิ่มจำนวนสมาชิกที่ไม่ใช่ข้าราชการที่มา

            จากการเลือกตั้งและแต่งตั้งแปรผันไปตามรายได้และจำนวนราษฎรสูงสุดชั้นหนึ่งมีถึง 4 คน ส่วนชั้นสองมี 2 คนและชั้น

            สามมี 1 คนตามลำดับ สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับการเลือกตั้งต้องอยู่ในเขตประชาภิบาลไม่น้อยกว่า 1 ปีและมี

            รายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีถึงจำนวนที่กำหนดไว้ ซึ่งรายงานฉบับนี้ทั้งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยและรัชกาลที่ 7 ต่างทรง
                                                   264
            เห็นชอบในหลักการที่กรรมการเสนอมาโดยมาก







                   263  ณัฐพล ใจจริงและศรัญญู เทพสงเคราะห์, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับแนวพระราชดำริด้านการปกครอง
            ท้องถิ่น, กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2558, หน้า 47-54.
                   264  ณัฐพล ใจจริงและศรัญญู เทพสงเคราะห์, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับแนวพระราชดำริด้านการปกครอง

            ท้องถิ่น, กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2558, หน้า 53-58.
                                                           113
   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119