Page 118 - b29256_Fulltext
P. 118

รรณที่มีบทบาทผลักดันการจัดเทศบาลมาตั้งแต่การเป็นประธานร่างพระราชบัญญัติเทศบาลในปี พ.ศ. 2473 แต่ยังไม่

            แล้วเสร็จจนเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียก่อน ต่อมาในระบอบรัฐธรรมนูญนั้นหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณก็มี
            บทบาทสำคัญตั้งแต่เป็นคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการทุกคณะจำนวน 4 คณะ และมีพระยาบริรักษ์เวช

            ชการเป็นอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการพิจารณาการปกครองของเทศบาลอีกด้วย จึงเท่ากับว่าพระราชบัญญัติฉบับ

            นี้ที่มีทั้งนายปรีดี พนมยงค์และหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณเข้ามามีบทบาทหลักในการจัดทำ จึงมีลักษณะที่ผสม
            แบบอย่างของหลายประเทศเข้ามา เพื่อให้ลักษณะโครงสร้างและกลไกของเทศบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นมีลักษณะที่เหมาะสม

                               273
            กับสภาพของสังคมไทย  หลักการสำคัญอีกประการที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือการปกครองตนเองของท้องถิ่นหรือชุมชน
            ไม่ได้สังกัดกับกรมสาธารณสุขอีกต่อไป แต่ไปขึ้นกับกรมที่กำกับดูแลการปกครองส่วนท้องถิ่นในกระทรวงมหาดไทย

            ต่างหาก เท่ากับทำให้ความกำกวมสับสนหายไปมีความชัดเจนขึ้นว่าเป็นการปกครองท้องถิ่นที่ต้องมาก่อนการบำรุงด้าน

            การแพทย์ที่เคยสับสนมาแต่เดิมก็ชัดเจนขึ้น
                   อีกด้านหนึ่งจึงเหมือนกับว่าพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476 นี้เป็นความพยายามในการนำ

            กฎหมายเทศบาลที่เคยจัดทำก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาทำการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพ
            การเมืองและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ที่สำคัญของการจัดเทศบาลทุกระดับนั้นจะต้องมีบริการด้านการแพทย์และการ

            สาธารณสุขไว้เป็นสำคัญ ตั้งแต่เทศบาลตำบลในกิจการที่บังคับให้ทำข้อแรกจะต้อง “จัดการสาธารณสุข” ส่วนกิจการที่

            ไม่บังคับแต่อาจจัดทำได้ตามกำลังของตนในข้อที่ต้อง “จัดให้มีและบำรุงสถานที่ทำการพิทักษ์รักษาคนเจ็บ และปัจจัย
            สำหรับสาธารณูปโภคประเภทอื่นๆ ” เหมือนกับเทศบาลเมืองที่มีด้านนี้เหมือนกันทุกประการ ส่วนเทศบาลนคร

            นอกจากจะเหมือนเทศบาลเมืองทุกประการแล้วด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นกิจการไม่บังคับที่จัดให้มีได้ คือ

                                                                                               274
            “1. จัดให้มีและบำรุงสุขศาลาและโรงพยาบาล 2. จัดให้มีและบำรุงการสงเคราะห์มารดาและทารก”  ซึ่งเห็นว่าเป็น
            กิจการที่จัดได้ในเมืองหลวงเท่านั้นที่จะเป็นเทศบาลนคร

                   สรุปแล้วความสำคัญของการจัดการปกครองในท้องที่โดยชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่สุขาภิบาลมาจนถึงเทศบาลนั้น
            ความสัมพันธ์กับการแพทย์และการสาธารณสุขมีอยู่ด้วยกัน 2  ประการคือ ประการที่ 1 จะจัดบริการด้านการแพทย์

            และสาธารณสุขแค่ไหน อย่างไร จัดอะไรบ้าง จะจัดเพียงเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเช่น ปลูกฝี การให้สุขศึกษา

            และการรักษา เช่นจัดยาให้บริการ จัดสร้างโรงพยาบาล เป็นต้น ประการที่ 2 งบประมาณการจัดบริการทางด้าน
            การแพทย์และการสาธารณสุขท้องถิ่นมีส่วนรับผิดชอบแค่ไหน โดยหลักคือการเก็บรายได้จากท้องถิ่นก็ต้องบำรุงท้องถิ่น

            นั้น แต่การสาธารณสุขจะให้ท้องที่รับผิดชอบเป็นหลักเพราะบริการคนในเขตชุมชนสุขาภิบาล เรื่องนี้เห็นได้จากการ
            สร้างโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่เรียกว่า สุขศาลาของสุขาภิบาลใหญ่ประจำจังหวัดที่มักจะเกิดจากงบประมาณ

            ของท้องที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขาภิบาลเองหรือการที่คนในท้องถิ่นเรี่ยไรทรัพย์สร้างโดยมีสุขาภิบาลเป็นองค์กร





                   273  สุวัสดี โภชน์พันธุ์, “เทศบาลและผลกระทบต่ออำนาจท้องถิ่น พ.ศ. 2476-2500,” วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร มหาบัณฑิต

            สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543,  หน้า 56-57.
                   274  สุวัสดี โภชน์พันธุ์, “เทศบาลและผลกระทบต่ออำนาจท้องถิ่น พ.ศ. 2476-2500,” วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร มหาบัณฑิต
            สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543,  หน้า 60-62.


                                                           117
   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123