Page 30 - b29255_fulltext
P. 30

29
               ล้าหลังป่าเถื่อน ชนชั้นน าของไทยจึงเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมการมีภรรยาเพียงคนเดียว  ต่างจากค่านิยมดั้งเดิมถือว่า
               การมีเมียมากเป็นสิ่งที่แสดงความมั่งคั่งและอ านาจวาสนา สตรีลูกผู้ดีและลูกสาวขุนนางเองก็ได้รับค าสอนจาก
               วรรณกรรมเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของผู้หญิงด้านการปรนนิบัติสามี เช่น กฤษณาสอนน้อง สวัสดิรักษา จนถึงสุภาษิต
               สอนหญิงของสุนทรภู่


                          2.2.5 สกอต บาล์เม่ ( Scot Balme, 1991) นักวิชาการตะวันตก ผู้งานเขียนเรื่องวาทกรรมกึ่ง
                                                                                           30
               ก่อนสมัยสตรีนิยม (Preto -feminist Discourses in Early Twentieth Century Siam)   ได้วิพากษ์วิจารณ์
               เรื่อง สถานภาพสตรีไทยไว้จากเอกสารสิ่งพิมพ์ 3 เล่ม  คือ งานเขียนของเทียนวรรณ ในตุลวิภาคพจนกิจ พ.ศ.

               2448 และงานเขียนจากนามปากกาของกลุ่มผู้หญิงในนิตยสารผู้หญิง คือ กุลสตรี ใน พ.ศ. 2449 และสัตรีนิพนธ์
               ในพ.ศ. 2457 ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มตัวแทนความคิดกึ่งสตรีนิยม (Proto-feminism) ที่สะท้อนจิตส านึกตัวตนฐานะ

               สตรีที่มีการศึกษาในยุคนั้น ในการแสวงหาความเป็นอิสระเพื่อสร้างขอบเขตเป้าหมายความเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังไม่ถึง
               ขั้นเรียกร้องสิทธิเสมอภาคให้ตัวเอง ขณะเดียวกันได้เกิดการตั้งค าถามเรื่องระบบหลายเมียและการศึกษาของสตรี

               อย่างไรก็ดียังยึดติดในกรอบความคิดเก่าในเรื่องการดูถูกสถานภาพโสเภณีและการยอมรับอ านาจที่เหนือกว่าของ
               ผู้ชาย จากการศึกษาของเขาได้ชี้ให้เห็นว่าทัศนะของเทียนวรรณนั้นให้ความส าคัญกับอ านาจของสตรีในบทบาท

               ของภรรยา และมารดา ที่ต้องสัมพันธ์กับหน้าที่การสร้างความเจริญแก่ชาติ ดังนั้นรัฐต้องให้การศึกษาสมัยใหม่
               ให้กับสตรีอย่างเสมอภาคกับบุรุษ โดยเฉพาะเรื่องการเรียนกฎหมายและการเมือง เพื่อให้สตรีมีอ านาจเท่าเทียม
               ผู้ชายนั้นเป็นทัศนะเปิดกว้างส าหรับสตรีให้มีตัวตนในสังคมระดับชาติ และที่ส าคัญคือ เทียนวรรณมีความคิด

               ต่อต้านระบบหลายเมียด้วยการยืนยันถึงระบบผัวเดียวเมียเดียวแบบตะวันตก อย่างไรก็ดี เทียนวรรณก็ต่อต้าน
               อาชีพโสเภณีตามความเชื่อแบบดั้งเดิม เขาเสนอให้รัฐจัดการศึกษาให้สตรีเพื่อพวกเธอจะได้มีวิชาชีพเลี้ยงตัวได้


                       ส่วนทัศนะผู้หญิงจากนิตยสารผู้หญิงทั้งกุลสตรีและสัตรีนิพนธ์มีจุดเน้นที่ไม่ลึกซึ้งเท่าของเทียนวรรณ แต่ก็
               มีทัศนะกึ่งสตรีนิยมที่ต้องการส่งเสริมผลประโยชน์ให้กลุ่มสตรีชนชั้นน าที่มีการศึกษา กุลสตรีมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม

               กว่าแต่ก็มีมุมมองที่แสวงหาภาพลักษณ์ให้สตรี ส่วนในสัตรีนิพนธ์มีความเป็นชาตินิยมและต้องการรักษาสิทธิของ
               สตรีมากกว่า อย่างไรก็ดีนิตยสารผู้หญิงทั้งสองเล่มพยายามเสนอภาพตัวตนของผู้หญิงในการสงคราม ซึ่งถือว่าเป็น
               การให้ผู้หญิงมีบทบาทเท่าเทียมผู้ชายในพื้นที่สาธารณะ เรื่องของวีรกรรมของสตรีไทย เช่น สมเด็จพระสุริโยทัย

               ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทรและท้าวสุรนารีถูกน าเสนอเพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ความเสมอภาคกับผู้ชาย
               ควบคู่ไปกับการเรียกร้องให้รัฐจัดการศึกษาให้กับผู้หญิง แต่ข้อเรียกร้องของนิตยสารทั้งสองเล่มนี้ยังคงจ ากัด

               บทบาทผู้หญิงให้เป็นผู้ตามและให้การสนับสนุนผู้ชายในพื้นที่สาธารณะ อย่างไรก็ดี ความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้หญิง



                       29  Joseph J. Wright Jr. (1991-05-04) The Balancing Act, A History of Modern Thailand,. Asia Books,

               P. 30.

                         Balme, Scot, (1999) Proto-Feminist Discourses in Early Twentieth Century Siam. In Genders &
                       30
               Sexualities in Modern Thailand, edited by Peter A. Jackson & Nerida M. Cook, Chiangmai : Silkworm Books.
               134-153.



                                                             29
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35