Page 28 - b29255_fulltext
P. 28

กฎหมายตราสามดวงหลายลักษณะเพื่อจะประมวลประเภทของภรรยาในกฎหมายลักษณะผัวเมีย ถึงแม้ว่าเขาจะ

               แสดงความชื่นชมต่อสถานภาพทางกฎหมายของสตรีไทย แต่ในขณะเดียวกัน เขายังวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็น
               ธรรมในการที่หญิงมีสามีแล้วถูกเปรียบเสมือนทรัพย์อันเป็นของหวงห้ามของสามี และเป็นของต้องห้ามซึ่ง
               บุคคลภายนอกแม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย


                       2.2.2 งานค้นคว้าของศาสตราจารย์ เครก เจ. เรย์โนลด์ส ( Craig J. Reynolds) นักประวัติศาสตร์
               ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวออสเตรเลียผู้ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะนัก

               ประวัติศาสตร์สังคม เขามีความสนใจต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ผู้หญิงในสังคมไทยในระยะแรก เมื่อ พ.ศ. 2520
               และได้เสนอบทความเรื่อง A  Nineteenth Century Thai Buddhist Defense of Polygamy and some

               Remarks on the Social History of Woman in Thailand ( Reynolds 1977)  ต่อมาเขาได้ตั้งข้อสังเกตในการ
               ประชุมสัมมนาไทยศึกษาที่กรุงลอนดอน ประเด็นการคาดหมายแนวโน้มของการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่
               (Predicaments of Modern Thai History) เมื่อพ.ศ.2536 เขาระบุว่าในช่วงก่อนพ.ศ. 2475 สังคมไทยเกิดมีนว

               นิยายและงานเขียนประเภทโรแมนติคที่แสดงออกถึงทัศนคติและรสนิยมของชนชั้นกลางในเมือง ตามหน้า
               หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ยุคนั้นมีคอลัมน์แสดงความคิดเห็นเรื่องความเสมอภาคของสตรีพร้อมกับบริบทที่รัฐได้

               ออกกฎหมายครอบครัวแสดงถึงความเสมอภาคของสตรีและข้อก าหนดทางกฎหมายที่รองรับการแต่งงานแบบผัว
               เดียวเมียเดียว แต่ข้อโต้แย้งต่อการเรียกร้องสิทธิสตรีเป็นวาทกรรมหรือชุดปรากฏการณ์ทางความคิดที่ผลิตขึ้นใน

               สมัยรัชกาลที่ 6 เพื่อตอบโต้แรงผลักดันของชาติตะวันตกและกระแสความคิดแบบตะวันตก ท าให้รัฐบาล
               สมบูรณาญาสิทธิราชย์แก้ไขกฎหมายครอบครัวและมรดกนั้น    ปัจจุบันวาทกรรมดังกล่าวยังคงมีอยู่ ข้อโต้แย้ง

                                                                                            28
               ดังกล่าวยังอธิบายถึงความชอบธรรมเรื่องคติหลายเมียและระบบเมียน้อยที่เป็นอยู่ในสังคมไทย
                          2.2.3 ศาสตราจารย์ แคเธอรีน โบวี่ (Katherine Bowie ) ผู้อ านวยการศูนย์เอเชียตะวันออก
               เฉียงใต้ แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน สหรัฐอเมริกา ศึกษาบทบาทของมิชชันนารีหัวก้าวหน้าในไทยโดย

               พบว่า มิชชันนารีหญิงที่เดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาและสอนหนังสือในไทยต่างมาจากกลุ่มที่มีความคิดหัว
               ก้าวหน้า เช่น แมรี่ เคลเมนต์ ลีฟวิตต์ (Mary Clement Leavitt) ที่เดินทางมาไทยในปีพ.ศ. 2430 นั้นเป็นผู้ก่อตั้ง
               กลุ่มสตรีคริสเตียนละเว้นสารเสพติด (Women Christian Temperance Union : WCTU) รณรงค์เรื่องการงด

               เหล้าและยาเสพติดเป็นหลัก สตรีชาวต่างชาติบางคนก็ให้การสนับสนุนสิทธิการเลือกตั้งแก่สตรีด้วย เช่น ภรรยา
               ของหมอบรัดเลย์ มิชชันนารีผู้มีบทบาทในการบุกเบิกการแพทย์การสาธารณสุขและการหนังสือพิมพ์ในไทยก็เป็น

               สมาชิกของกลุ่มดังกล่าว รวมถึงสตรีที่เข้าไปสอนภาษาอังกฤษในวัง เช่น “แหม่มมัตตูน” ( Mary Laurie
               Mattoon) ภรรยาของ สาธุคุณ สตีเฟ่น แมตตูน (Stephen Mattoon) รวมถึง “แหม่มแอนนา เลียวโนเวนส์” (

               Anna Leonowens) ต่างก็เป็นสตรีที่เคยไปรณรงค์เรื่องสิทธิสตรีและสิทธิการเลือกตั้งก่อนเดินทางมาประเทศไทย
               ศาสตราจารย์แคเธอรีน โบวี่ยังได้เสนอความคิดเห็นว่า ด้วยความใกล้ชิดระหว่างมิชชันนารีกลุ่มนี้กับสมเด็จกรม

               พระยาด ารงราชานุภาพ (ขณะนั้นเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย) รวมถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า


                       28  วารุณี  โอสถารมย์. (2546) “งานเขียนประวัติศาสตร์ผู้หญิงในสังคมไทย”ใน วารสารรวมบทความประวัติศาสตร์
               ฉบับที่ 25 : พุทธศักราช 2546, หน้า 82.


                                                             27
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33