Page 29 - b29255_fulltext
P. 29
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ส่งผลให้ผู้ปกครองของไทยได้รับอิทธิพลเรื่องสิทธิการเลือกตั้งของสตรี โดยเฉพาะข้อถกเถียง
ในประชาคมโลก ท าให้รัชกาลที่ 5 จึงพระราชทานสิทธิการเลือกตั้งแก่สตรีไปพร้อมกับบุรุษในครั้งนั้นเลย อย่างไรก็
ตาม การค้นคว้าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็มิได้ปรากฏการถกเถียงเรื่องสิทธิการเลือกตั้งของสตรี จึงคาดว่า สิทธิ
สตรีเป็นเรื่องสามัญในสังคมไทย รวมทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประเพณีโบราณให้สตรีเป็นใหญ่ โดย
พิจารณาจากการสืบทอดเชื้อสายการส่งต่อมรดกในทรัพย์สินของสตรี และส่วนมากฝ่ายชายก็มักจะย้ายเข้ามาอยู่
บ้านฝ่ายหญิงหลักจากแต่งงาน ซึ่งนอกจากขนบธรรมเนียมประเพณีดังกล่าวแล้ว แคเธอรีน โบวี่ ศึกษาบทบาทของ
สตรีที่อยู่ในวัง ทั้งที่เป็นพระมเหสี ราชินี รวมถึงนางในราชส านักที่รับใช้พระราชวงศ์ พบว่า บทบาทของสตรีไม่ว่า
จะระดับใดในวังก็มีความรู้ความสามารถทั้งด้านวิชาการ และทักษะในครัวเรือน นอกจากนี้ ศาสตราจารย์แคเธอรีน
โบวี่ ยังชี้ว่า รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระมเหสีทรงด ารงพระสถานะ
เป็นผู้ส าเร็จราชการแทน (ดูรายละเอียดในภาคผนวก 2 ราชนารีที่มีบทบาทในการส่งเสริมสถานภาพสตรี)
2.2.4 โจเซฟ เจ.ไรท์ จูเนียร์ (Joseph J. Wright ,Jr. ) นักวิชาการอิสระชาวยุโรปได้ประมวลภาพ
ประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ สมัยใหม่ ในงานเขียนของเขาเมื่อพ.ศ. 2534 (1991) ประเด็นเกี่ยวกับสถานภาพของ
สตรีในช่วงทศวรรษ 1920 ว่าหนึ่งในข้อบ่งชี้ความก้าวหน้าทางสังคมก็คือ เสรีภาพ โดยการเปรียบเทียบจากที่สตรี
มีโอกาสในการเลื่อนสถานภาพขึ้นได้ในสังคมเมืองหลังปีพ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดยมีการขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่สตรีอย่างมาก สตรีเริ่มเข้าศึกษาที่
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเข้ารับการฝึกหัดเป็นนักวิชาชีพ เช่น ด้านกฎหมาย ซึ่งแต่ก่อนนี้ยังสงวนไว้ส าหรับ
บุรุษ นอกจากนั้นสตรียังสามารถเข้าชิงทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถเดินทางไปศึกษาต่อใน
ต่างประเทศได้ อย่างไรก็ดี สถานภาพทางสังคมส่งผลให้สตรีชนชั้นสูงกับผู้หญิงชาวบ้านนั้นไดัรับโอกาสต่างกัน
แม้ว่าจะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น คือ สตรีนักวิชาชีพ ทั้งนี้ผู้หญิงที่ตามธรรมดามักจะถูกจัดให้เป็นชนชั้นกลางระดับล่าง
ดูจะมีเสรีภาพมากทีเดียวในการที่จะเลือกว่าจะมีวิถีชีวิต (lifestyles) เช่นใด ผู้หญิงสามารถแต่งกายด้วยเสื้อผ้า
แบบประเพณีหรือชุดกระโปรงแบบตะวันตก และส าหรับสตรีชั้นสูงขึ้นมา เขาสวมถุงน่องและรองเท้า หญิงชนชั้น
กลางระดับล่างเหล่านั้นท างานในส านักงาน ร้านค้า โรงพยาบาล ฯลฯ ส่วนที่เป็นชนชั้นสูงขึ้นมาก็เริ่มเป็นนัก
วิชาชีพ
โจเซฟ เจ.ไรท์ จูเนียร์ ยังชี้ว่าในช่วงเวลานั้น สตรีไทยทุกสถานภาพทางสังคมมีเสรีภาพมากกว่าที่สตรี
ทั่วไปในเอเชีย พวกเธอมีเสรีภาพที่จะเลือกการแต่งกาย การเข้ารับการศึกษา และการเข้าสู่อาชีพใดนี้เป็นผลมา
จากอิทธิพลตะวันตกเท่ากับเป็นวิวัฒนาการมาจากค่านิยมในสยามแต่เดิม แน่นอนว่า ผู้หญิงไทยยังคงห่างไกล
ความเสมอภาคกับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม เสรีภาพในการเปรียบเทียบลักษณะนี้ หญิงไทยนั้นนับว่าน่าสังเกตใน
วัฒนธรรมของเอเชียในทศวรรษที่ 1920
หนึ่งในผลเนื่องจากวิวัฒนาการสู่ความเป็นสมัยใหม่ (Modernization) ก็คือ การให้คุณค่าแก่ค่านิยมตาม
ยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการแต่งงานมีคู่ครอง เมื่อคนไทยรับรู้ว่าตะวันตกเห็นว่าการมีเมียหลายคนเป็นสิ่ง
28