Page 34 - b29255_fulltext
P. 34
กับรูปแบบนี้และเริ่มเขียนนวนิยายเอง โดยแบ่งออกเป็นสองช่วง ดังนี้ ช่วงแรก จากนวนิยายแปลสู่นวนิยายแปลง
ในช่วงนี้ไทยได้รับรูปแบบนวนิยายมาจากตะวันตก ท าให้นวนิยายแพร่หลายในหมู่ชนชั้นสูงและสามัญชนที่ได้รับ
การศึกษา ปัจจัยส าคัญที่สนับสนุนให้นวนิยายขยายตัวมากขึ้น คือ การเกิดมีหนังสือพิมพ์และวารสารตั้งแต่สมัย
รัชกาลที่ 5 วารสารที่เกิดขึ้นใหม่ก่อตั้งโดยผู้ที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ มีจุดมุ่งหมายส่งเสริมการแปลและ
แปลงวรรณกรรมจากตะวันตก นวนิยายที่น ามาแปลส่วนมากเป็นนวนิยาย “ขายดี” เรื่องสนุกตื่นเต้น แนวเรื่อง
ของนวนิยายแปลเหล่านี้มักเป็นไปในหลักการ “ท าดีได้ดี ท าชั่วได้ชั่ว” และยังเป็นเรื่องที่จบลงด้วยความสุขสมหวัง
ของตัวเอกของเรื่องเป็นส่วนมาก จะพบว่าเรื่องที่จบด้วยความเศร้ามีจ านวนน้อยมาก
ช่วงที่สอง นวนิยายไทยมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เนื่องจากสภาพบ้านเมืองและสภาวะเศรษฐกิจตั้งแต่
ปลายรัชกาลที่ 6 เป็นต้นมาอยู่ในภาวะไม่ปกติ หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยุติลงในปีพ.ศ. 2461 ประสบปัญหา
เศรษฐกิจตกต่ าทั่วโลก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 รัฐใช้นโยบายดุลยภาพข้าราชการ มีการเรียกร้องระบบรัฐสภา ท า
ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหนังสือพิมพ์ ท าให้นักเขียนนวนิยายที่มีเนื้อหาสะท้อนสังคม ปัญหา
ความขัดแย้งเกี่ยวกับค่านิยม รวมทั้งเรื่องสถานภาพสตรี
2.2.7 ศาสตราจารย์ ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ เสนอบทความวิจัย เรื่อง “วรรณกรรมและสื่อสิ่งพิมพ์ในสมัย
รัชกาลที่ 7 : การตอบสนองรสนิยมชนชั้นกลาง” ในการประชุมวิชาการประจ าปี เรื่อง “ศิลปะวิทยาการในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ณ ห้องประชุมอาคารร าไพ
พรรณี พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น กล่าวถึงวรรณกรรมในสมัยรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2468-
2477) ไว้ว่ามีวรรณกรรมหลายเรื่องและหลายประเภทมีลักษณะเด่นพิเศษกว่าวรรณกรรมในยุคก่อนหน้าในสมัย
รัชกาลที่ 5-6 ทั้งนี้เป็นเพราะสมัยนี้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมอย่างรุนแรงจนน าไปสู่การ
37
เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง สะท้อนภาพและแสดงทัศนะต่อสังคมไทยทั้งในช่วงก่อนและหลังการ
เปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ไว้อย่างน่าสนใจ
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากในการแสดงออกมากขึ้น
รวมทั้งบทบาทอันโดดเด่นของสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งตามความจริงแล้วเป็นพลวัตรที่ต่อเนื่องมาจากสมัยรัชกาลที่ 7
อาจจะกล่าวได้ว่า วรรณกรรมเชื่อมโยงกับความเป็นจริงของสังคมอย่างแนบแน่น เพราะสังคมเป็นที่อาศัย
ของมนุษย์ และมนุษย์เป็นผู้ผลิตความคิด การสร้างสรรค์ทางความคิดจึงเคียงคู่ไปกับการพัฒนาทางสังคม รูปแบบ
และเนื้อหาของวรรณกรรมในแต่ละยุคของประวัติศาสตร์จึงแตกต่างกัน แต่มีความสอดคล้องกัน ดังจะเห็นว่า
วรรณกรรมที่นักเขียนสร้างสรรค์ขึ้นนั้น มิใช่เพียงต้องการตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ส่วนบุคคลเท่านั้น
แต่วรรณกรรมเป็นภาพสะท้อนสังคมอีกด้วย
37 รื่นฤทัย สัจจพันธุ์. “วรรณกรรมในสมัยรัชกาลที่ 7 : การตอบสนองรสนิยมของชนชั้นกลาง” วารสารมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 1,หน้า 77-100.
33