Page 24 - b29255_fulltext
P. 24
หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ฉบับ เช่น ‘สตรีศัพท์’ (พ.ศ.2465) มีนางสาวผะอบ พงศ์ศรีจันทร์ เป็น
บรรณาธิการ จากค าปรารภในบทบรรณาธิการว่า “เป็นปากเสียงให้สตรีที่รับทุกข์ สตรีใดได้รับทุกข์หรือมีความ
เดือดร้อนอันบุรุษเพศได้กระท าให้ด้วยความมิเป็นธรรม เชิญบอกนามและเรื่องจริงไปยังเรา” ซึ่งภายในเล่มมีทั้ง
ข่าวสารความรู้ข้อคิดเห็น พยายามให้ผู้หญิงได้เสมอภาคกับผู้ชายและมีความตื่นตัวในสิทธิสตรี เช่น คอลัมน์ ‘ข่าว
ศาลเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง’อย่างมีนัยส าคัญ
งานวิจัยของอุบลวรรณ ปิติพัฒนะโชติระบุว่า ปลายสมัยรัชกาลที่5ต่อเนื่องรัชกาลที่6 มีการตีพิมพ์
นิตยสารเล่มหนึ่งชื่อ นารีรมย์ของนายทูบหรือสมเด็จฯกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (2409-2450) นิตยสารนี้ถือ
ก าเนิดเมื่อปลายปีพ.ศ. 2431 ครั้นถึงปลายทศวรรษ 2440 ก็มีการบุกเบิกสิ่งพิมพ์และงานวรรณกรรมสตรีเพื่อ
เป็นแหล่งความรู้และความบันเทิงของสตรีขึ้นบ้างแล้ว เช่น นิตยสารกุลสัตรี ส่วนนิตยสารสัตรีนิพนธ์ออกเผยแพร่
ในปีพ.ศ. 2457 และน่าสังเกตว่านิตยสารทั้งสองฉบับมีอายุช่วงสั้นๆเพียงสองปีเท่านั้น
ส าหรับนิตยสารสตรีสัตรีนิพนธ์ เป็นนิตยสารที่ได้ชื่อว่าท าโดยสตรีและเพื่อสตรี ทั้งนี้การก่อตัวของหนังสือ
สัตรีนิพนธ์เกิดขึ้นด้วยเหตุที่สตรีสมัยก่อนไม่มีโอกาสในการศึกษาเล่าเรียนเช่นบุรุษ จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม
พ.ศ. 2457 จึงมีกลุ่มนักเรียนสตรีในมณฑลกรุงเทพฯ ประมาณ 1,400 คนที่ส าเร็จการศึกษาแล้ว เล็งเห็น
ความส าคัญที่จะให้ลูกหลานสตรีไทยมีหนังสืออ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้และได้แสดงความสามารถในการเขียนเยี่ยง
สตรีชาวตะวันตก พวกเธอจึงประกาศตัวท านิตยสารสัตรีนิพนธ์ขึ้น โดยด าเนินงานออกหนังสือกันเอง ความโดด
เด่นของการน าเสนอในหนังสือสัตรีนิพนธ์ คือ การเรียกร้องกฎหมายผัวเดียวเมียเดียว ในข้อเขียนขนาดสั้นชิ้นหนึ่ง
เรื่อง “เหตุไรสัตรีสยามจึงเป็นคนขี้หึงจัด” บทความนี้เรียกร้องขอให้มีกฎหมายจ ากัดจ านวนภรรยาของผู้ชาย
นักเขียนนิรนามผู้นี้ระบายความรู้สึกต่อระบบผัวเดียวหลายเมียว่า เป็นต้นเหตุให้สตรีสยามมีนิสัยขี้หึงเพราะการที่
อนุญาตให้ชายสยาม “มีเมียสักกี่ฝูงก็ไม่ผิดอะไร นึกจะทิ้งกันก็ทิ้งตามอ าเภอใจ” แต่ส าหรับ“สัตรีฝรั่ง”จะไม่ต้อง
เผชิญโชคร้ายเช่นนี้ เพราะได้รับสัญญาต่อหน้าธารก านัลก่อนแต่งงานจากฝ่ายชายว่า “จะไม่มีเมียน้อย จะรักจะ
ถนอมกล่อมเกลี้ยงกันโดยน้ าใสใจจริง จะไม่ให้ระคายระเคืองกัน จะรับเปนภรรยาสามีโดยแท้” อีกทั้ง “กฎหมายก็
มีว่า ถ้าแม้ชายสามีไปมีภรรยาใหม่ โดยไม่ได้หย่ากับเมียเก่า ผิดกฎหมายนับว่าผิดสัญญาต้องถูกปรับลงโทษ”การ
เปรียบเทียบกรณีนี้เพื่อเป็นการคาดหวังให้สยามเอาเยี่ยงอย่างตะวันตก ค าประกาศตอนหนึ่งของนิตยสารสัตรี
นิพนธ์ ระบุว่า
“...คณะดิฉันจึงได้ออกหนังสือเรื่องนี้ซึ่งให้ชื่อว่าสัตรีนิพนธ์ ก็เพราะสัตรีแต่งแลเป็นหนังสือเฉพาะส าหรับ
สตรีอ่านฝ่ายเดียวโดยไม่หวัง จะให้บุรุษย์มีส่วนอ่านด้วยเพราะเหตุว่า หนังสือนี้คงเป็นที่พอใจของสัตรี แต่ฝ่าย
บุรุษย์คงจะติเตียน เพราะฉะนั้นถ้าสัตรีด้วยกันจะอุดหนุนก็พอความประสงค์ของคณะดิฉันแล้ว...”
อย่างไรก็ดี แม้นิตยสารสัตรีนิพนธ์จะแสดงให้เห็นถึงพยายามออกมาจากม่านจารีตทางประเพณีของสังคม
สยามโดยการน าของกลุ่มที่อาจขนานนามว่าเป็นสตรีปัญญาชนหัวก้าวหน้ายุคบุกเบิก แต่ก็ปรากฏว่า แนวทางการ
เรียกร้องสถานภาพและสิทธิสตรีให้เท่าเทียมกับสังคมนานาอารยประเทศในช่วงเวลานั้นกลับถูกท้าทายจากผู้อ่าน
ซึ่งเป็น “สตรีอนุรักษ์นิยม” ร่วมสมัย หลักฐานดังกล่าวปรากฏอยู่ในจดหมายแสดงความเห็นที่ผู้อ่าน “แจ้งความ
23