Page 19 - b29255_fulltext
P. 19

นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ 6 ยังมีการประกาศกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชส านักพระ

               พุทธศักราช 2457 รวมถึงการออกพระราชบัญญัติการแต่งกายสตรีและคุณลักษณะเกี่ยวกับความงามของสตรีอีก
               ด้วย

                       ผู้หญิงในสมัยนี้จึงมีลักษณะภายนอกที่สอดคล้องกับค่านิยมตะวันตก คือสามารถสมาคมออกรับแขกได้ มี

               ความรู้พื้นฐานมากพอที่จะรับฟังปัญหาของสามีได้ อันเนื่องมาจากบริบทของสยามเอง ที่ตกอยู่ภายใต้ค่านิยมแบบ
               วิคตอเรียน การแสดงพระองค์ว่ามีความศิวิไลซ์เช่นเดียวกับฝรั่งของพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึง
               ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการสร้างมาตรฐานของผู้หญิงให้ออก มาในลักษณะดังกล่าวได้ แต่อย่างไรก็ตามบทบาทของ
               ผู้หญิงได้เริ่มถูกจ ากัดและลดทอนให้เหลือเพียงสถานะ ของภรรยา มารดา และผู้หญิงที่อุทิศตนเพื่อชาติไปโดย

               ปริยายและในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครอบครัวเดี่ยวที่พระองค์พยายามจะเน้นมา
               ตลอดทั้งรัชสมัยนั้นก็ท าให้ผู้หญิง กับผู้ชายมีหน้าที่ของตนเองทั้งสิ้น และหน้าที่ที่ส าคัญที่สุดก็คือหน้าที่ต่อชาติ
               นั่นเอง ในสมัยนี้ผู้หญิงได้รับการสนับสนุนให้ออกนอกบ้านมาท างานทัดเทียมกับผู้ชาย มากขึ้น แม้ในตอนแรกจะ

               จ ากัดอยู่ในอาชีพที่ผู้หญิงมีทักษะมาก่อน เช่น นางพยาบาล ครู ช่างตัดเสื้อ แต่ต่อมาก็ได้เริ่มขยายอาชีพออกไป
               มากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลก อย่างไรก็ตามคุณลักษณะของผู้หญิงในสมัยนี้ได้ถูกเน้นให้เป็น
               ผู้หญิงในแบบไทย ที่มีความเป็นกุลสตรีและยึดเอาธรรมะจากพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง วัฒนธรรมตะวันตกเป็นสิ่งที่ไม่
               พึงปรารถนาและไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง พระบรมราโชวาทและพระราชนิพนธ์ต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
               เกล้าเจ้าอยู่หัวล้วนแล้วแต่เน้นหน้าที่ต่อชาติโดย มีคุณธรรมและคุณลักษณะแบบไทยเป็นหลักนั่นเอง

               จะเห็นได้ว่าผู้หญิงที่ชาติต้องการจึงเป็นผู้หญิงในสถานะของ "ภรรยา" "มารดา” และผู้หญิงของชาติ ทั้งสิ้น แม้จะ
               แตกต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่เนื้อหาหลักล้วนสืบเนื่องต่อกันมา และผู้หญิงที่สามารถปฏิบัติตัวได้ตามนี้ก็ดูจะ
               ได้รับการยกย่องมาในทุกสมัย กรอบความคิดเช่นนี้ก็ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่แม้ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปมาก

               เพียงใดก็ตาม แต่ความคิดเช่นนี้ก็ได้รับการตอกย้ าอยู่เสมอมา ผู้หญิงไทยจ านวนมากจึงมุ่งหวังที่จะบรรลุเป้าหมาย
               ดังกล่าวไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม
                       ในด้านของการประสบความส าเร็จของผู้หญิงในสถานภาพของภรรยาและมารดานั้น ความเป็นแม่บ้านแม่
               เรือนที่สามารถจัดการงานภายในบ้านให้เรียบร้อยที่เคยชื่น ชมกันมาในยุคก่อนหน้า ไม่สอดคล้องกับความต้องการ

               ของผู้ชายที่จะใช้เลือกผู้หญิงมาเป็นคู่ชีวิตได้ อีกต่อไปในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ออกมาท างาน
               นอกบ้าน ด้วยกันทั้งคู่ "ความสวยความงาม" จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยส าคัญที่ผู้หญิงทุกคนพยายามจะ
               ไขว่คว้า ไม่ว่าจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆมากมายเพียงใดที่เริ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลาย เท้า ก็ดูจะไม่มีผู้หญิงคนใด
               ยอมแพ้กับอุปสรรคดังกล่าว จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่เราจะเห็นพวกเธอเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไป ตามที่สมัย

               นิยมตลอดเวลา ทั้งนี้เนื่องมาจาก "ต้นทุน" ของชนชั้นกลางรุ่นใหม่ต่างจากกลุ่มชนชั้นสูงในอดีต ที่มีทั้งต้นทุนทาง
               สังคม สถานภาพที่ติดตัวมาแต่ก าเนิด และยังรวมไปถึงทรัพย์สินจ านวนมาก แต่ในปัจจุบัน ชนชั้นกลางที่ปราศจาก
               มรดก สินทรัพย์ที่ดิน และไม่มีสายตระกูลที่สามารถนับขึ้นไปได้หลายสิบหรือหลายร้อยปี จึงมีแต่ต้นทุนทาง
               ร่างกายเท่านั้นที่เป็นแรงดึงดูดส าคัญต่อเพศตรงข้าม

                       กล่าวโดยสรุปแล้ว ผู้วิจัยเห็นว่า ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 จนถึง
               พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่ส่งผลกระทบ

               ต่อสถานภาพสตรี และสะท้อนที่มาของกฎหมายซึ่งเปลี่ยนไปจากแนวคิดดั้งเดิม ท าให้เห็นบทบาทของ




                                                             18
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24