Page 18 - b29255_fulltext
P. 18

นอกจากนี้โรงเรียนที่เปิดสอนให้กับผู้หญิงก็ได้ถูกริเริ่มขึ้นในสมัยนี้เช่น กัน โดยมีจุดมุ่งหมายส าคัญที่จะฝึกฝนผู้หญิง
               ให้มีความรู้ในการออกรับแขก เข้าสมาคม และการเป็นแม่บ้านแม่เรือน


                       รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2453-2468) ทรงมีบทบาทส าคัญในการช่วย
               เปลี่ยนแปลงและส่งเสริมสถานภาพสตรีไทยให้สูงกว่าแต่ก่อนมาก คือ นอกจากการตราพระราชบัญญัติ

               ประถมศึกษาขึ้นในปี พ.ศ. 2464 เป็นการศึกษาภาคบังคับให้ทั้งเด็กชายหญิงอายุตั้งแต่ 7-14 ปี เข้าศึกษาเล่าเรียน
               ในโรงเรียนประชาบาล แล้วยังทรงสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษา ที่ให้การศึกษาแก่

               ชายและหญิงโดยทั่วหน้ากันแล้ว พระองค์ยังทรงมีพระราชด าริเกี่ยวกับสตรีไทยอีกหลายประการ คือ ทรงตั้งพระ
               ราชประสงค์ที่จะมีพระมเหสีเพียงพระองค์เดียว และให้ข้าราชบริพารมีภรรยาคนเดียวเช่นกัน

                       “มีผู้พูดกันอยู่หลายคนว่า ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรจะใช้ธรรมเนียมมีเมียคนเดียว แต่ก็ดูไม่มีใครเต็มใจจะ

               เป็นผู้เริ่มธรรมเนียมนั้นโดยเคร่งครัดเลย แม้ผู้ที่ไปเรียนยุโรปกลับมาก็มีเมียมากๆเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จะหวัง
               ความเปลี่ยนแปลงจากคนพวกที่เรียกว่า “หัวนอก” อย่างไรก็ได้ ใครมีเมียคนเดียวออกจะถูกหาว่าเป็นคนโง่ซ้ า การ

               มีเมียหลายๆคนไม่ท าให้ต้องรับความเสื่อมเสียอย่างไรเลย ฉะนั้นจะมีหวังอยู่ก็แต่ที่ตัวผู้หญิงเองเท่านั้น ถ้าเมื่อไรผู้
               หญิงไทยดีๆ พร้อมใจกันตั้งกติกาไม่ยอมเป็นเมียคนที่เลี้ยงผู้หญิงไว้อย่างเลี้ยงไก่เป็นฝูงๆ เท่านั้นแหละ ผู้ชายพวก

               มักมากในกาม จึงจะต้องกลับความคิดและเปลี่ยนความประพฤติ”
                                                                     17
                       ข้อความที่กล่าวมาข้างต้นนั้น แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราช
               วิจารณ์ต่อการปฏิบัติของบุรุษต่อสตรีในครอบครัวและสังคม อาทิ การใช้ความรุนแรงต่อสตรีอันเนื่องมาจากหึงหวง

               หรือความเชื่อทางศาสนา ทรงมีพระราชด าริว่า การที่ผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนเป็นการดูหมิ่นสถานภาพของ
                                                                                     18
               ผู้หญิงอย่างมาก ในบทความเรื่อง “เครื่องหมายแห่งความรุ่งเรือง คือสภาพแห่งสตรี”  โดยใช้พระนามแฝง “อัศว
               พาหุ” กล่าวถึง การที่จะแก้ไขสภาพสัตรีดีขึ้น ต้องแก้ทั้งประเพณีและกฎหมายแผ่นดิน

                       “...ในคณะคนป่าหรือในคณะที่รุ่งเรืองกว่ามันก็ย่อมจะมีความเป็นอยู่เป็นไปเช่นเดียวกัน คือทั้งกฎหมาย

               แบบธรรมเนียม และประเพณีทั้งปวง ผู้ชายเป็นผู้บัญญัติขึ้น ส าหรับความสะดวกของผู้ชายเท่านั้น”

                       ข้อความข้างต้นแสดงถึงพระราชทัศนะต่อโครงสร้างทางสังคมและการปฏิบัติต่อสตรีในทางกฎหมายและ

               เรื่องความเป็นธรรมในสังคม ที่เน้นประโยชน์ของบุรุษผู้ถืออ านาจบริหารจัดการและปกครองสังคมเป็นส าคัญ
               พระองค์ทรงอธิบายโดยใช้ตัวอย่างที่ปรากฏในสังคมจากนานาประเทศ และยังทรงสนับสนุนให้ผู้หญิงลุกขึ้นมา
               เรียกร้องสิทธิของตนเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าพระองค์เองก็ไม่อาจปฏิบัติตามพระราชด ารินี้ได้ เพราะพระองค์

               ทรงมีพระมเหสีมากกว่าหนึ่งองค์เนื่องจากทรงมีพระราชประสงค์จะได้มีพระราชโอรสสืบราชสมบัติ







                       17  รามจิตติ. (นามแฝง) หัวใจชายหนุ่ม จากหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิต หน้า 46-47.
                       18  มาลี พฤกษ์พงศาวลี. (2551) ย้อนรอยสิทธิของความเป็นคนของผู้หญิง ใน ภาคผนวก 2 “เครื่องหมายแห่งความ
               รุ่งเรืองคือสภาพแห่งสัตรี”, หน้า 253-262.


                                                             17
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23