Page 25 - b29255_fulltext
P. 25

มายังเอดิเตอร์” ของคอลัมน์ “สนทนาระหว่างสตรี”ในหนังสือสัตรีนิพนธ์ โดยผู้อ่านท่านนั้น ได้บ่งบอกถึงความอด

               สูใจที่ได้เห็นความเปลี่ยนเชิงพฤติกรรมของหญิงสมัยใหม่ ดังนี้

                       “ แจ้งความยังท่านเอดิเตอร์หนังสือสัตรีนิพนธ์ทราบ ด้วยฉันได้อ่านหนังสือสัตรีนิพนธ์ เล่ม 2 ของหล่อน
               ติเตียนเพื่อนหญิงด้วยกัน ท าให้ฉันอดสนทนากับหล่อนไม่ได้ การที่หล่อนว่าใส่แว่นตา (ด า) ขับรถยนต์บาดตา

               หล่อนนั้นเป็นเพราะเหตุใด? ท าไมหญิงไทยจึงใส่แว่นตาไม่ได้หรือมีข้อขีดคั่นอย่างหนึ่งอย่างไร จึงบาดตานัก เมื่อ
               หล่อนพูดถึงข้อกฎหมายต่างประเทศและการแต่งกายตามสมัย ท าไมหล่อนจึงไม่นึกดูว่ามันเนื่องมาจากใครหรือ

               หล่อนพวกคณะสัตรีนิพนธ์ปฏิเสธได้ว่า ไม่ได้ตามอย่างต่างประเทศเขาบ้าง คนที่มีเอ็ดยูเคชั่น (การศึกษา) พอแล้ว
               เชื่อว่าคงไม่ติเตียนผู้หญิงขับรถยนต์เป็นแน่ เพราะต่างประเทศก็มีผู้หญิงขับรถยนต์เหมือนกัน เขามิคิดตั้งใจจะขับ

               รถส าหรับรับจ้าง เป็นแต่หัดไว้ให้เป็นไว้เท่านั้นเพราะหล่อนยังอาจแต่งหนังสืออ่านเล่นให้ดีอย่างชายได้  ถ้าหล่อน
               ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องแว่นตา ขอเชิญหล่อนไปรับค าอธิบายจากแพทย์ที่รักษาจักษุ แล้วหล่อนก็คงได้รับค าชี้แจงของ
               แพทย์ และจะไม่บาดตาหล่อนอีกเมื่อเจอหญิงไทยใส่แว่นตา...ลงท้ายว่าจากพวกหญิงที่ใส่แว่นตาและยังมีข้อความ

               การโต้ตอบวิพากษ์วิจารณ์หญิงที่ใส่แว่นตา ลงชื่อว่าชมภู นอกจากนี้ยังมีความเห็นของเอดิเตอร์ของคณะสัตรีนิพนธ์
               ว่าไม่เห็นพ้องด้วยทั้งสองฝ่าย แต่เพื่อจะมิให้เสียไมตรีจิตร์ จึงได้น าความเห็นของทั้งสองฝ่ายมาตีพิมพ์ให้เต็มตาม

               ต้นฉบับ และหวังว่าคู่สนทนาทั้งสอง จะส่งเรื่องอื่นที่มีประโยชน์ยิ่งกว่านี้ไปลง...”

                       ในข้อเขียนที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่า สตรีนั้นเริ่มมีการวิพากษ์แสดงความคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผล

               แตกต่างไปจากสมัยก่อน สะท้อนถึงการได้รับการศึกษามากขึ้นของสตรีประการหนึ่งและยังมีสตรีบางคนมีทัศนคติ
               เดิมที่มองว่าการขับรถและการสวมแว่นตาด าเป็นเรื่องของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง


                       ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ “ปัญหาเรื่องการศึกษาของสัตรี”ว่าควรจะศึกษาวิชาอย่างบุรุษย์หรือไม่
                                                                                                           22
               ในสัตรีนิพนธ์ได้เสนอความเห็นไว้ มี 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหนึ่งเห็นควร อีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นควร ถึงแม้รัฐบาลในสมัยนั้นยัง
               มีความลังเลมานาน ซึ่งกระท ามาแล้วก็เพียงแต่ทดลองเท่านั้น เพราะฉะนั้นโรงเรียนสตรีจึงค่อยๆทวีขึ้นทีละน้อยๆ

               แต่บัดนี้สัตรีทั้งหลายควรจะเป็นที่ยินดี ที่พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นไชยนาทนเรนทร ได้มีรับสั่งถึงปัญหาเรื่องนี้
               โดยพิสดารซึ่งสมควรสัตรีทั้งหลายจะทราบไว้ ด้วยพระองค์เวลานี้ทรงอ านวยการศึกษาของประเทศสยามอยู่ มี

               ข้อความดังต่อไปนี้

                       “...การศึกษาของสัตรีนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่จัดยากมากและเป็นปัญหาที่ยังเถียงกันอยู่เสมอทั่วไปทุกๆ

               ประเทศ ความเห็นแยกกันต่างๆ ปัญหาที่เถียงกันนั้นมีอยู่ดังนี้ คือ

                       (1) ผู้หญิงสมควรจะเรียนหนังสือหรือไม่
                       (2) ผู้หญิงควรจะเรียนวิชาสามัญเท่ากับผู้ชายหรือไม่

                       (3) ผู้หญิงควรจะเรียนวิชาชั้นอุดมศึกษาต่อไปหรือไม่ และควรจะเรียนเหมือนผู้ชายหรือไม่





                       22
                         สัตรีนิพนธ์ ,หน้า 152-153.

                                                             24
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30