Page 58 - เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ ครั้งที่ 23
P. 58
การประชุมวิชาการ 7
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่
3) สร้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อใช้เป็นกลไกบังคับทางการเมืองที่ฝ่ายอื่น
จะไม่สามารถกำหนดทิศทางของประเทศได้ นอกจากฝ่ายขวาที่มีผู้นำทหาร
เป็นแกนกลาง
4) การยกสถานะ กอ.รมน. เพื่อทำหน้าที่เป็น “รัฐซ้อนรัฐ” ในกลไกอำนาจของ
ฝ่ายทหาร โดย กอ.รมน. จะทำหน้าที่แทนฝ่ายทหารในสังคมพลเรือน
5) การขยายบทบาทของกองทัพในการเมือง และกองทัพทำหน้าที่เป็นเครื่องมือ
ของฝ่ายอนุรักษนิยมในการจัดการกับภัยคุกคามทางการเมือง
6) การสร้างอำนาจขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยองค์กรเหล่านี้จะทำ
หน้าที่สร้างอำนาจของ “ตุลาการธิปไตย” เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนของฝ่าย
อนุรักษนิยม
15) นอกจากการจัดทำโครงสร้างในข้างต้นแล้ว การสร้างความเข้มแข็งระบอบพันทาง
ยังมาพร้อมกับการขยายอำนาจของกลไกที่สำคัญ ได้แก่
1) กลไกทางกฎหมาย: ฝ่ายอนุรักษนิยมที่กุมอำนาจรัฐ มักจะเรียกร้องให้สังคม
ยอมรับกฎหมาย ภายใต้แนวคิดการ “ปกครองด้วยกฎหมาย” หรือ “นิติปกครอง”
(Rule by Law) แต่ในทางกลับกัน พวกเขาไม่ยอมรับแนวคิดเรื่อง “นิติรัฐ”
(Rule of Law) และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของการสร้างความเข้มแข็ง
ทางการเมือง และรวมถึงการใช้กลไกทางกฎหมายในการจัดการกับฝ่ายตรง
ข้าม จนเกิดสภาวะของ “ตุลาการธิปไตย”
2) กลไกของการโฆษณาทางการเมือง: โดยเฉพาะการอาศัยกองทัพในการดำเนินการ
“ปฏิบัติการจิตวิทยา” (ปจว.) หรือที่ถูกเรียกในสังคมไทยว่า “ปฏิบัติการข่าวสาร”
(IO) และเป็นความหวังว่า การโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวจะทำให้เกิด
กระบวนการสร้างฝ่ายอำนาจนิยมในสังคม และจะเป็นเครื่องมือสำคัญของ
การสร้างความเชื่อและวาทกรรมเพื่อสนับสนุนฝ่ายอนุรักษนิยม
3) กลไกของการควบคุมการต่อต้าน: ฝ่ายอนุรักษนิยมมักจะเป็นผู้ที่ควบคุมกลไก
อำนาจรัฐ โดยเฉพาะองค์กรทหารและตำรวจ องค์กรทั้งสองจึงมีบทบาทใน
การจัดการกับการต่อต้านทางการเมือง ดังนั้น ในด้านหนึ่ง ฝ่ายต่อต้านอาจถูก
ควบคุมด้วยมาตรการทางกฎหมาย และในอีกด้านหนึ่ง ฝ่ายต่อต้านจะถูก
กดทับไว้ด้วยอำนาจของการปราบปรามและจับกุม การควบคุมการต่อต้าน
จึงเป็นเครื่องมือสำคัญของการดำรงอำนาจของฝ่ายอนุรักษนิยมในสังคม การแสดงปาฐกถานำ
การเมือง
4) กลไกรัฐราชการ: อำนาจของทหารไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้การบริหารรัฐ
เป็นไปได้จริงในโลกปัจจุบัน ดังนั้น “รัฐราชการ” จึงถูกจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็น
เครื่องมือของผู้นำทหาร รัฐเช่นนี้จึงเป็นการรวมพลังระหว่าง “ราชการทหาร+
ราชการพลเรือน” เพื่อเป็นกลไกในการถ่วงดุลกับรัฐประชาธิปไตย ที่อำนาจ