Page 31 - 23464_Full text
P. 31

30



                   ความส าคัญมากเป็นพิเศษคือ ความชอบธรรม (legitimacy) ของการขึ้นสู่อ านาจและการบริหาร
                   อ านาจดังที่สะท้อนจากการมุ่งไปที่ประเด็นที่มาของนายกฯ ที่มาและขอบเขตอ านาจขององค์กรอิสระ

                   ที่มาและขอบเขตอ านาจของวุฒิสภา นอกจากนั้นภาคประชาชนมุ่งเรียกร้องให้มีการเพิ่มสิทธิและ
                   การมีส่วนร่วมของประชาชนในการก าหนดกติกาสูงสุดของประเทศดังที่ข้อเรียกร้องหลักของพวกเขา
                   คือ การจัดท าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

                          การที่ภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ไม่ได้มุ่งจัดท า “พิมพ์เขียว” หรือข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมของ
                   ตนเองในส่วนที่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้งว่าระบบเลือกตั้งที่พึงปรารถนาที่สุดของประชาชนคือระบบ

                   เลือกตั้งแบบใด มองในแง่บวก อธิบายได้ว่าขบวนการและองค์กรประชาชนต้องการเปิดกว้างให้สังคม
                   ทั้งสังคมได้เข้ามาร่วมถกเถียงอภิปรายกันว่าระบบเลือกตั้งแบบใดเหมาะสมกับสังคมไทย มากกว่าที่
                   จะตัดสินชี้ชัดลงไปตามทัศนะของกลุ่มตน และไม่ต้องการเสนอข้อเสนอที่สร้างความได้เปรียบ
                   เสียเปรียบให้กับพรรคการเมืองใดเป็นการเฉพาะ แต่ข้อเสียของการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้น าเสนอตัวแบบ

                   ที่ชัดเจนก็คือ ประเด็นกติกาการเลือกตั้งจะกลายเป็นวาระที่ถูกชี้น าและก ากับโดยพรรคการเมืองต่างๆ
                   โดยที่ภาคประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการถกเถียงและตัดสินใจเลือก การต่อสู้ในการปรับเปลี่ยนกติกา
                   การเลือกตั้งถูกช่วงชิงไปเป็นวาระทางการเมือง (political agenda) ของพรรคการเมืองแทนที่จะเป็น

                   วาระสาธารณะ (public agenda) ของประชาชน (จะอภิปรายขยายความในหัวข้อถัดไป) นอกจากนั้น
                   การที่ภาคประชาสังคมมิได้น าเสนอตัวแบบระบบเลือกตั้งที่แต่ละกลุ่มอยากเห็นยังสะท้อนสภาพ
                   ปัญหาที่ประเด็นเรื่องระบบเลือกตั้งถูกท าให้กลายเป็นความรู้เชิงเทคนิคที่ซับซ้อนเข้าใจยากส าหรับ
                   คนธรรมดาทั่วไป จนท าให้ความรู้ที่ส าคัญต่อการก าหนดทิศทางทางการเมืองนี้ถูกผูกขาดครอบง าโดย
                   นักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญทางรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์จ านวนน้อยราย ดังจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงที่มี

                   ขบวนการปฏิรูปการเมืองหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เป็นต้นมา แม้ภาคประชาชนจะมีส่วนร่วม
                   ในการต่อสู้เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ประเด็นเรื่องกติกาการเลือกตั้งกลายเป็นประเด็นที่
                                                                                                 14
                   ขบวนการประชาชนทุกกลุ่มมองข้ามและละเลยที่จะผลักดันข้อเสนอที่ประชาชนใฝ่ฝันปรารถนา
                          จากการศึกษาการเคลื่อนไหวทางการเมืองของภาคประชาชนในช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2562
                   ที่บรรยายมาข้างต้น พบประเด็นส าคัญคือ ขบวนการภาคประชาชนมีข้อเรียกร้องที่อยู่ในกรอบของ

                   การปฏิรูปสถาบันทางการเมืองที่เป็นทางการ (formal institutional reform) อย่างสูง ไม่ว่าจะเป็น
                   ข้อเรียกร้องเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การยุบสภา ให้นายกรัฐมนตรีลาออก การกระจายอ านาจ
                   ทั้งหมดเป็นข้อเสนอที่อยู่ในกรอบที่ท าได้ภายใต้การแก้กฎหมาย การแก้รัฐธรรมนูญ และการปรับปรุง

                   สถาบันทางการเมืองให้สามารถท าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความชอบธรรมสูงขึ้น ในแง่นี้
                   ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมร่วมสมัยของไทยและการขับเคลื่อนทางการเมืองของเยาวชนและ
                   คนรุ่นใหม่ของไทยไม่ได้ปฏิเสธการเมืองเชิงสถาบัน (institutional politics) อย่างที่นักสังเกตการณ์
                   ส่วนใหญ่เชื่อ พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เรียกร้องในประเด็นเชิงวัฒนธรรมหรือคุณค่าเท่านั้น แต่ยังได้

                   ขับเคลื่อนเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองในเชิงสถาบันการเมืองที่เป็นทางการด้วย ปรากฏการณ์นี้
                   สะท้อนมิติที่เป็นแง่บวกส าหรับสังคมประชาธิปไตย เพราะหมายความว่าเยาวชนคนหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นมา



                   14  สมชาย ปรีชาศิลปกุล, “20 ปี รัฐธรรมนูญ 2540: การปฏิรูปการเมืองไทยในอุ้งมือนักกฎหมายมหาชน,”
                   The 101World, 16 มี.ค. 2560 https://www.the101.world/20-year-constitution-2540; อุเชนทร์ เชียงเสน,
                   การเมืองภาคประชาชน: ประวัติศาสตร์ความคิดและปฏิบัติการของนักต่อสู้ทางการเมืองนับจากยุคประชาธิปไตย
                   ครึ่งใบจนถึงปรากฏการณ์สนธิ (กรุงเทพฯ: มติชน, 2551).
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36