Page 26 - 23464_Full text
P. 26
25
เลือกตั้งกลับไปใช้แบบรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นข้อเสนอที่มีหลาย
กลุ่มน าไปผลักดัน รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ
- เดือนตุลาคม 2562 “ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย” ซึ่งมีองค์กรแกนกลางอย่าง
มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) และคณะกรรมการประสานงานองค์กร
พัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และมี ศ.โคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและ
สันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานอ านวยการของภาคีฯ และ ผศ.ดร.อนุสรณ์
ธรรมใจ เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร และมีสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา
มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นศูนย์ประสานงานเครือข่าย ได้แถลงข่าวต่อสาธารณะผลักดันให้
มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และลดการผูกขาดอ านาจทางการ
เมืองและเศรษฐกิจ แต่ไม่มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในส่วนกติกาการเลือกตั้งแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นริเริ่มผลักดันมาจากกลุ่ม
และองค์กรในภาคประชาชนเป็นหลัก โดยยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากภาคพรรคการเมืองในช่วงแรก
ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ การขับเคลื่อนเพื่อให้ปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญมาจากกลุ่มองค์กรภาคประชาชน
ที่มีเฉดทางอุดมการณ์ต่างกัน ทั้งกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวกับขบวนการเสื้อแดง และกลุ่มที่เคยสนับสนุน
การเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อเหลือง สะท้อนว่าเริ่มมีการก่อตัวของฉันทามติในสังคมไทยในระดับ
ภาคประชาชนที่เห็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ว่าก่อปัญหาให้กับการเมืองไทย โดยประเด็นที่
กลุ่มเหล่านี้เห็นร่วมกันในเชิงหลักการคือ รัฐธรรมนูญ 2560 ท าให้ประชาธิปไตยไทยอ่อนแอ
ขาดประสิทธิภาพ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน และเอื้อให้เกิดการผูกขาดและสืบทอดอ านาจ
แต่การเคลื่อนไหวในช่วงปี 2562 นี้ยังไม่มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับกระบวนการและระบบเลือกตั้ง
แต่อย่างใด
จุดเปลี่ยนที่ส าคัญมาเกิดขึ้นในปี 2563 เมื่อการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนมิได้จ ากัดอยู่ใน
รูปแบบเวทีเสวนา การแถลงข่าว และการจัดประชุมเพียงเท่านั้น แต่ได้ขยับขยายไปสู่ท้องถนนใน
รูปแบบการชุมนุมประท้วง และพลังที่ส าคัญในการท าให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญและกติกาทางการเมือง
เป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนในสังคมการเมืองต้องเข้ามาร่วมถกเถียงและตอบรับคือ การเคลื่อนไหวที่
น าโดยกลุ่มเยาวชนคนหนุ่มสาว ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีชนวนมาจากเหตุการณ์
ที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคโดยค าตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563
เหตุการณ์ดังกล่าวน าไปสู่การนัดชุมนุมประท้วงของนิสิตนักศึกษาในหลายมหาวิทยาลัยและในหลาย
โรงเรียนทั่วประเทศ รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ในรูปแบบ
5
แฟลชม็อบในหลายจุด อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
การเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงในช่วงแรกจึงไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่เมื่อสถานการณ์วิกฤต
สาธารณสุขคลายตัวลง การประท้วงบนท้องถนนได้กลับมาปรากฏอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน
น าโดยกลุ่มเยาวชนที่เรียกตนเองว่ากลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ซึ่งเสนอข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ
5 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 2 ยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี จาก
กรณีที่มีการยื่นค าร้องต่อ กกต. ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ให้พรรคกู้เงิน 191.1 ล้าน
บาท ว่าเป็นความผิดตามมาตรา 72 ของ พ.ร.ป. พรรคการเมือง ซึ่งกกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา,
“21 กุมภาพันธ์ 2 ปี ยุบพรรคอนาคตใหม่ จุดเริ่มต้นชุมนุมทางการเมือง 2563,” ไทยรัฐออนไลน์, 21 ก.พ. 2565
https://plus.thairath.co.th/topic/speak/101137.