Page 30 - 23464_Full text
P. 30

29



                   มีสิทธิเสนอร่างกฎหมายต่อสภาได้ โดยไม่จ ากัดประเภท ไม่จ ากัดหมวดและประชาชนสามารถเข้าชื่อ
                   อย่างน้อย 20,000 คน เสนอพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ได้ นอกจากนี้ การเข้าชื่อ 20,000

                   คน ยังสามารถเสนอถอดถอนตุลาการ และผู้ด ารงต าแหน่งในองค์กรอิสระได้อีกด้วย) ร่างดังกล่าวเสนอ
                   เข้าสู่รัฐสภาเมื่อวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2564 แต่สุดท้ายไม่ผ่านการลงคะแนนเห็นชอบจากรัฐสภา

                          ร่าง “ปิดสวิตช์ ส.ว.” (มาตรา 272) โดยกลุ่ม “คณะรณรงค์แก้ไข รธน. มาตรา 272” น าโดย
                   นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอเข้าสู่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6-7 กันยายน
                   2565 ซึ่งมุ่งแก้ไขประเด็นหลักประเด็นเดียวคือ การตัดอ านาจวุฒิสมาชิกในการเลือกนายกฯ

                   ผลปรากฏว่าร่างดังกล่าวไม่ผ่านการลงคะแนนเห็นชอบจากสภาเช่นเดียวกัน สุดท้าย ร่าง “ปลดล็อก
                   ท้องถิ่น” โดยคณะก้าวหน้า ที่มีข้อเสนอในการปรับเปลี่ยนการบริหาราชการและโครงสร้างการเมือง
                   ให้กระจายอ านาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น ร่างนี้ถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
                   เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน และ 7 ธันวาคม 2565 แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับร่างฉบับอื่นๆ ที่เสนอโดย

                                                              13
                   ภาคประชาชนทั้งหมด คือ ไม่ผ่านการลงคะแนนเสียง
                          เงื่อนไขในรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่ก าหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผ่านความเห็นชอบ
                   ของส.ว. ถึงจ านวน 1 ใน 3 กลายเป็นอุปสรรคส าคัญที่สุดของการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ
                   ภาคประชาชน ดังที่ปรากฏว่าร่างทุกฉบับที่เสนอโดยกลุ่มหรือองค์กรต่างๆ ในภาคประชาชน ไม่มีร่าง
                   ใดเลยที่ได้เสียงสนับสนุนจากส.ว. ถึง 1 ใน 3


                          เมื่อวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนทั้งที่แสดงออกผ่านการมีส่วนร่วมในรูปแบบ
                   การชุมนุมและการเดินขบวน และการมีส่วนร่วมผ่านรูปแบบของการจัดท าข้อเสนอโดยกลุ่มและ
                   องค์กรต่างๆ เสนอเป็นร่างกฎหมายให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา จะพบว่าในเชิงเนื้อหา ไม่มีองค์กร
                   ภาคประชาชนกลุ่มใดที่ผลักดันข้อเสนอเรื่องการปรับเปลี่ยนระบบเลือกตั้งอย่างเป็นรูปธรรม
                   ที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ข้อเสนอของกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ที่ระบุว่าระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปัน

                   ส่วนผสมเป็นระบบเลือกตั้งที่สร้างปัญหาการคอร์รัปชันและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล แต่ทาง
                   กลุ่มก็มิได้มีข้อเสนอว่าระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่ทางกลุ่มอยากเห็นควรมีลักษณะเช่นใด ในขณะที่
                   ข้อเสนอและการผลักดันของกลุ่มอื่นๆ ล้วนมุ่งไปที่การปฏิรูปประเด็นเชิงโครงสร้าง เช่น ที่มาของ

                   นายก รูปแบบรัฐสภา ที่มาและอ านาจของวุฒิสภา ที่มาและกระบวนการในการสรรหาองค์กรอิสระ
                   อ านาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐส่วนกลางและท้องถิ่น และการกระจายอ านาจ
                   รวมถึงการต่อสู้เรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
                   มากกว่าจะมุ่งเจาะไปที่ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้งโดยเฉพาะ

                          วิเคราะห์จากการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน สะท้อนว่าภาคประชาชนมองว่ามีประเด็น

                   ปัญหาเชิงโครงสร้างอื่นๆ หลายประการในรัฐธรรมนูญที่ส าคัญกว่าประเด็นเรื่องระบบเลือกตั้ง อาทิ
                   ที่มาของนายกฯ วุฒิสภา องค์กรอิสระ ยุทธศาสตร์ชาติ การกระจายอ านาจ ซึ่งหากสามารถ
                   ปรับเปลี่ยนการออกแบบเชิงสถาบัน (institutional design) ในประเด็นใหญ่เหล่านี้จะสามารถสร้าง
                   ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ปราศจากคอร์รัปชันได้ และปัญหาที่ภาคประชาชนให้




                   13  “แก้ไขรัฐธรรมนูญภาค 3 กับความพยายามยกเลิก ส.ว. ในร่างฉบับ Resolution,” ไทยรัฐออนไลน์, 16 พ.ย.
                   2564, https://plus.thairath.co.th/topic/speak/100709; “‘รัฐสภา’ คว่ าร่างปลดล็อกท้องถิ่น ‘ส.ว.’ ปิดประตู
                   กระจายอ านาจ เห็นด้วยแค่ 6 คน,” มติชน, 7 ธ.ค. 2565.
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35