Page 16 - 23464_Full text
P. 16

15



                   เป็นมา มาจากผลผลิตทางประวัติศาสตร์ เช่น รับระบบการเลือกตั้งมาจากอดีตเจ้าอาณานิคม หรือได้
                   แนวคิดมาจากรูปแบบที่ใช้อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังมานี้ นับตั้งแต่ทศวรรษ

                   2530 เป็นต้นมา เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงคือ เริ่มมีการตระหนักว่าระบบการเลือกตั้งที่ตกทอดมา
                   จากอดีตอาจจะไม่เหมาะสมกับโครงสร้างของสังคม และสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป
                   จึงสมควรที่จะถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ (Reilly and Reynolds
                   1999, 24) แม้แต่ประเทศที่มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของระบอบประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน

                   แล้ว เช่น ในทวีปยุโรป (ในอิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ นิวซีแลนด์ ก็ยังมีการทบทวนความเหมาะสมของ
                   ระบบการเลือกตั้งเป็นระยะ โดยแรงผลักดันของการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูประบบเลือกตั้งที่ส าคัญ
                   มักจะมาจากการเกิดวิกฤตทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เช่น กรณีปัญหาคอร์รัปชันในหมู่
                   นักการเมืองญี่ปุ่นและอิตาลีน าไปสู่ความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อนักการเมืองและระบบ

                   การเมืองโดยรวม ท้ายที่สุดน าไปสู่การปฏิรูประบอบการเลือกตั้งในทั้งสองประเทศ โดยการผลักดัน
                   จากประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมือง (Norris 1995) โดยเป้าหมายของการออกแบบระบบการเลือกตั้ง
                   ใหม่ คือ การสร้างระบบการเลือกตั้งที่มั่นคงแข็งแรงพอต่อการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มี
                   เสถียรภาพ แต่ก็ยืดหยุ่นพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนแปลง

                   ตลอดเวลา (Bastian and Luckham 2003)

                          ทั้งนี้ แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลกต่อการปฏิรูประบบการเลือกตั้งในระยะหลัง
                   มีกระแสเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1993 ที่มีการท าประชามติในอิตาลี ซึ่งน าไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบ
                   การเลือกตั้งจากระบบเสียงข้างมาก (plurality/majority) ไปเป็นระบบผสม แนวโน้มที่เกิดขึ้น
                   หลังจากนั้นในอีก 26 ประเทศทั่วโลก (ดูใน Reynolds, Reily, and Ellis 2005, 24) มีลักษณะ

                   คล้ายคลึงกับการปฏิรูปในอิตาลี คือ การเปลี่ยนระบบเลือกตั้งไปสู่ระบบสัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าจะโดย
                   การเพิ่มที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากระบบสัดส่วนให้มากขึ้น หรือไม่ก็เปลี่ยนจากระบบเสียง
                   ข้างมากไปเป็นระบบสัดส่วนเต็มรูป

                          นอกจากที่มาของระบบการเลือกตั้งที่ใช้ในประเทศหนึ่งๆ จะมาได้จากหลายทางและ
                   หลายเหตุปัจจัยแล้ว ผลกระทบของการเลือกใช้ระบบเลือกตั้งแบบใดแบบหนึ่งก็อาจจะแตกต่างกันไป

                   ผลลัพธ์อาจจะไม่ตรงกับที่ผู้ร่างตั้งใจไว้หรือคาดการณ์ไว้ อาจจะมีผลกระทบบางประการที่นอกเหนือ
                   การคาดคิด และอาจจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว และในหลายกรณี ผลประโยชน์ทางการเมืองระยะ
                   สั้นของชนชั้นน าทางการเมืองเข้ามามีอิทธิพลต่อการก าหนดรูปแบบและระบบการเลือกตั้งมากกว่า

                   การมองการณ์ไกลถึงผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาว ผลการวิจัยพบว่า ในบรรดาสถาบันการเมือง
                   ทั้งหลาย ระบบเลือกตั้งเปลี่ยนง่ายที่สุดและถูกบิดเบือนเพื่อเอาไปรับใช้ผลประโยชน์ของชนชั้นน า
                   บางกลุ่มได้ง่ายที่สุด (Horowitz 1997, 2003)

                          นอกจากนี้ พบว่าระบบเลือกตั้งแบบหนึ่งอาจจะส่งผลไม่เหมือนกันในทุกประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่
                   กับบริบททางสังคมและการเมืองของประเทศนั้นๆ ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนอาจส่งผลให้เกิดรัฐบาล

                   ผสมในหลายประเทศ แต่มิได้หมายความว่ามันเป็นกฎเกณฑ์ตายตัวที่จะเกิดขึ้นในทุกประเทศ (เช่นใน
                   แอฟริกาใต้ที่ระบบสัดส่วนกลับสร้างให้เกิดรัฐบาลพรรคเดียว) เพราะมีปัจจัยอย่างอื่นมาก าหนดด้วย
                   ดังนั้นเราจึงต้องเผื่อใจไว้เสมอถึงผลกระทบที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าในการน าระบบเลือกตั้งแบบ
                   ใดแบบหนึ่งมาใช้
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21