Page 20 - 23464_Full text
P. 20
19
5. เสียงของชนกลุ่มน้อย เป้าหมายข้อนี้ดูเผินๆ อาจจะเหมือนเป้าหมายที่สี่ แต่อันที่จริงแล้ว
ไม่ใช่ และเป็นเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญในทางการเมืองและนโยบาย ส าหรับเป้าหมาย
ประการสุดท้ายนี้มุ่งไปที่การให้ชนกลุ่มน้อยมีที่นั่งในสภา เช่น มีการเสนอว่าชนกลุ่มน้อยควรมีที่นั่ง
ตามสัดส่วนประชากรของพวกเขา สมมติว่า ประเทศหนึ่งมีประชากรมุสลิมคิดเป็น 10% ผู้สนับสนุน
แนวคิดนี้เสนอว่าระบบการเลือกตั้งควรจะประกันให้มีผู้แทนมุสลิมคิดเป็น 10% ในสภา ทั้งนี้อาจจะ
ใช้ระบบโควตา หรือใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่เพิ่มโอกาสให้กับพรรคการเมืองของชนกลุ่ม
น้อย ระบบเลือกตั้งบางแบบอาจจะให้ผลลัพธ์ที่สะท้อนผู้แทนชนกลุ่มน้อยต่ ากว่าสัดส่วนประชากรที่
พวกเขามี เช่น การใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมาก (เช่น FPTP) ในสังคมที่ชนกลุ่มน้อย
อยู่อย่างกระจัดกระจายท าให้ยากที่ผู้แทนชนกลุ่มน้อยจะได้รับเลือก อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงกัน
อย่างเผ็ดร้อนในหลายประเด็นเกี่ยวกับเป้าหมายประการนี้ เช่น จ าเป็นแค่ไหนที่จะต้องมีที่นั่งของ
ชนกลุ่มน้อยตรงตามสัดส่วนประชากร รวมทั้งประเด็นปัญหาที่ว่าเราจะนิยาม “ผู้แทนชนกลุ่มน้อย”
อย่างไร เช่น ผู้แทนของคนมุสลิมนั้นต้องนับถือศาสนาอิสลาม หรือเป็นใครก็ได้ขอเพียงให้มีนโยบาย
และตั้งใจที่จะท างานเพื่อคนมุสลิมเป็นการเฉพาะ เพราะบ่อยครั้งพบว่าผู้แทนที่มาจากชนกลุ่มน้อย
อาจจะไม่ได้เป็นปากเสียงให้กับกลุ่มของตนเองเมื่อพวกเขาได้รับที่นั่งในสภา (Reilly 2006; Horowitz
2003) ที่กล่าวว่าเป้าหมายข้อนี้ต่างจากข้อที่สี่ เพราะเป้าหมายข้อที่สี่ถึงที่สุดแล้วมุ่งสร้างความร่วมมือ
ระหว่างกลุ่มต่างๆ หรือมุ่งที่จะป้องกันไม่ให้ประเด็นความแตกต่างทางศาสนา/ชาติพันธุ์ถูกปลุกเร้า
เป็นประเด็นทางการเมือง มุ่งสร้างพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนกลางๆ ของคนทุกกลุ่มมากกว่าที่จะ
สนับสนุนให้เกิดพรรคการเมืองของชนกลุ่มน้อยที่ชูประเด็นอัตลักษณ์มาหาเสียง
ในการแข่งขันเลือกตั้ง
ผลกระทบของการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง
ดังที่กล่าวข้างต้นว่าระบบเลือกตั้งเป็นหนึ่งในสถาบันทางการเมืองที่ส าคัญที่สุดของระบบ
การเมือง และขณะเดียวกันก็เป็นสถาบันทางการเมืองที่ถูกออกแบบโดยมีความสัมพันธ์เชิงอ านาจ
เข้ามาก ากับและถูกบิดเบือนได้มากที่สุดเช่นกัน การที่แต่ละสังคมตัดสินใจใช้ระบบเลือกตั้งแบบใด
แบบหนึ่งย่อมส่งผลกระทบที่ส าคัญหลายประการที่แตกต่างกันออกไป การศึกษาเรื่องผลกระทบของ
การออกแบบและการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจึงมีความส าคัญ เพราะจะท าให้สังคมมีองค์ความรู้และเกิด
ความตระหนักรู้เท่าทันผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง
ในการศึกษาผลกระทบที่เกิดจากระบบเลือกตั้ง กรอบการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับระบบ
เลือกตั้งและระบบพรรคการเมือง จะศึกษาผลกระทบที่ส าคัญ 5 ประการดังต่อไปนี้ คือ
1. ความเป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกับที่นั่ง (proportionality)
ในระยะหลังนักวิชาการและผู้ก าหนดนโยบายหันมาใช้หลักความเป็นสัดส่วนเป็นเกณฑ์
ในการตัดสินคุณภาพของระบบการเลือกตั้ง โดยเห็นว่าระบบการเลือกตั้งที่ดีควรสะท้อนความเป็น
สัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองได้รับกับที่นั่งในสภา อย่างไรก็ตาม สังคมควรต้อง
ตระหนักว่าหลักความเป็นสัดส่วนมิใช่เป้าหมายประการเดียว และไม่จ าเป็นว่าเป็นเป้าหมายที่ส าคัญ
ที่สุดเสมอไป เพราะในสังคมที่มีปัญหาเรื้อรังเรื่องฝ่ายบริหารอ่อนแอและขาดเสถียรภาพ เป้าหมาย
เรื่องเสถียรภาพอาจจะส าคัญกว่า ดังที่พบว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ยังคงเลือกใช้ระบบเลือกตั้ง