Page 17 - 23464_Full text
P. 17
16
ประเด็นส าคัญที่ต้องตระหนักคือ การออกแบบระบบการเลือกตั้งไม่เคยเกิดขึ้นในสุญญากาศ
แต่เกิดขึ้นภายใต้การต่อสู่ช่วงชิงอ านาจทางการเมือง และเกิดขึ้นภายใต้ระบบการเลือกตั้งแบบเดิม
ที่เคยด ารงอยู่ก่อนหน้าเป็นตัวเปรียบเทียบ ค าถามส าคัญอย่างยิ่งคือ ใครเป็นคนออกแบบ
และกระบวนการ ขั้นตอน และกลไกในการออกแบบเป็นอย่างไร การออกแบบสถาบันการเมืองเป็น
เรื่องของกระบวนการทางการเมืองที่มีการต่อสู้แข่งขันกันระหว่างกลุ่มต่างๆ ในสังคมที่มีอ านาจ
ไม่เท่าเทียมกัน ที่เราต้องสนใจเรื่องนี้เพราะบทเรียนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกชี้ให้เห็นว่าการออกแบบ
ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมืองที่ต่างกันส่งผลกระทบที่ส าคัญต่อคุณภาพของการเมือง
ในสังคม ระบบเลือกตั้งเป็นหนึ่งในสถาบันการเมืองที่ส าคัญในการก าหนดความสัมพันธ์ทางอ านาจ
มันอาจถูกออกแบบเพื่อสะท้อนความเป็นตัวแทนของภูมิภาคหรือท้องถิ่นให้มีเสียงในระบอบการเมือง
หรือถูกออกแบบเพื่อลดทอนลักษณะภูมิภาคนิยม มันสามารถออกแบบเพื่อสนับสนุนส่งเสริม
พรรคการเมืองที่เข้มแข็งหรือจงใจท าให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ท าให้เกิดมุ้งหรือกลุ่มการเมืองย่อย
ในพรรคการเมือง หรือท าให้นักการเมืองมีอ านาจต่อรองเหนือพรรคการเมือง มันอาจถูกออกแบบเพื่อ
ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในเชิงนโยบายหรือเพื่อเอื้อให้เกิดการแข่งขันโดยเน้นความนิยมของตัวบุคคล
เป็นหลัก มันอาจถูกออกแบบเพื่อมุ่งให้เกิดรัฐบาลพรรคเดียว สองพรรค หรือรัฐบาลผสมหลายพรรค
นอกจากนั้น ระบบเลือกตั้งต่างระบบกันก็เอื้อให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยมีตัวแทนในระบอบการเมือง
มากน้อยแตกต่างกันไป สุดท้าย ระบบเลือกตั้งอาจเสริมสร้างให้เกิดความร่วมมือหรืออาจขยายความ
ขัดแย้งให้เพิ่มสูงขึ้นได้เช่นเดียวกัน (Reynolds 2002; Lijphart 2004; Norris 2004; Reilly 2006)
ข้อควรค านึงในการออกแบบระบบเลือกตั้ง
เมื่อสังคมการเมืองก าลังอยู่ในห้วงเวลาของการค้นหากติกาทางการเมืองเพื่อสร้างฉันทามติ
ใหม่ในประเด็นที่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง ข้อควรค านึงในการออกแบบระบบเลือกตั้งมีดังต่อไปนี้
1. ประวัติศาสตร์ของสังคมว่ามีวิวัฒนาการมาอย่างไร องค์ประกอบทางสังคมและวัฒนธรรม
ทางการเมืองเป็นเช่นไร มีลักษณะเป็นพหุสังคมมากน้อยแค่ไหน ระดับความแตกต่างหลากหลายทาง
ศาสนา ชาติพันธุ์ สีผิว ภาษา และอัตลักษณ์ต่างๆ เป็นอย่างไร ซึ่งลักษณะทางสังคมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น
ในการออกแบบระบบเลือกตั้ง เพราะบางประเทศไม่มีปัญหาในเรื่องความแตกแยกทางศาสนา/ชาติพันธุ์
จึงไม่จ าเป็นต้องค านึงถึงการเลือกใช้ระบบเลือกตั้งที่จะมาประสานรอยร้าวดังกล่าว
2. ต้นทุนในการออกแบบและสถาปนาระบบการเลือกตั้ง เช่น บางระบบซับซ้อนเกินไปใน
การค านวณคะแนน หรือต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง เช่น ระบบการจัดการเลือกตั้งสองรอบ (two-round
system) หรือต้นทุนในแง่ที่ว่าความซับซ้อนของระบบไปกีดกันผู้เลือกตั้งที่ขาดความรู้ทางเทคนิคหรือ
มีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ต่ าออกไปจากการใช้สิทธิทางการเมืองอย่างเสมอภาค ฉะนั้น
การออกแบบระบบเลือกตั้งควรยึดหลักความเรียบง่ายเพื่อให้คนจ านวนกว้างขวางที่สุดสามารถใช้สิทธิ
ของพวกเขาได้อย่างเท่าเทียมกับผู้อื่น
3. โครงสร้างรัฐ (ว่าเป็นรัฐเดี่ยวหรือสหพันธรัฐ) และระดับการกระจายอ านาจของรัฐเป็น
ประเด็นส าคัญที่ต้องพิจารณาในการก าหนดหรือออกแบบระบบการเลือกตั้งด้วย การออกแบบการ
เลือกตั้งในระดับมลรัฐและท้องถิ่นระดับต่างๆ (ต าบล จังหวัด) ว่าควรจะเลือกใช้รูปแบบใดสัมพันธ์
อย่างแยกไม่ออกกับนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการกระจายอ านาจ นอกจากนั้นระบบสภาเดี่ยว