Page 120 - 23464_Full text
P. 120
119
โดยสรุป การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่มีบัตร
ใบเดียวกลับไปเป็นระบบผสมแบบเสียงข้างมากที่มีบัตร 2 ใบตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เกิดขึ้นและ
ส าเร็จลงได้เพราะผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคในระบบการเมืองไทย คือ พรรคเพื่อไทย
แกนน าฝ่ายค้าน และพรรคพลังประชารัฐ แกนน าฝ่ายรัฐบาล (ก่อนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566)
มีความสอดคล้องกัน แม้ว่าจะอยู่ต่างขั้วการเมืองแต่ทั้ง 2 พรรคประเมินว่าระบบเลือกตั้งแบบบัตร
2 ใบที่นับคะแนนแบบเสียงข้างมาก (MMM) จะช่วยท าให้ทั้ง 2 พรรคชนะการเลือกตั้งและจัดตั้ง
รัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ ซึ่งเป็นการประเมินที่มีเหตุมีผลเนื่องจากในทางหลักการสากลและธรรมชาติ
ของระบบเลือกตั้งแบบ MMM เป็นระบบที่เอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่มีความได้เปรียบ
เหนือพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กในการแข่งขัน และในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของ
ไทยในช่วงที่ใช้ระบบเลือกตั้งแบบ MMM ก็ชี้ชัดว่าสร้างความได้เปรียบให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถชนะการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากเด็ดขาดได้
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยซึ่งชนะการเลือกตั้งเสียงข้างมากมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการใช้ระบบ
MMM ในการเลือกตั้งปี 2544 และคุ้นเคยกับระบบนี้เป็นอย่างดีจึงสนับสนุนระบบเลือกตั้งดังกล่าว
ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย และมีฐาน
อ านาจรัฐและเครือข่ายทรัพยากรที่กว้างขวางจากการเป็นแกนน ารัฐบาล ก็ประเมินว่าการเปลี่ยนไป
ใช้ระบบ MMM จะให้ประโยชน์ 2 ประการส าคัญ คือ หนึ่ง ท าให้พรรคของตนมีขนาดใหญ่ขึ้นและ
แข่งขันกับพรรคเพื่อไทยได้สูสี และสอง ช่วยลดทอนโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะชนะการเลือกตั้ง เพราะ
ทุกฝ่ายประเมินตรงกันว่าระบบเลือกตั้งแบบ MMM ท าให้พรรคก้าวไกลเสียเปรียบ เนื่องจากขาดฐาน
เสียงที่เข้มแข็งในเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้การที่ระบบการเลือกตั้งแบบ MMM ได้รับการสนับสนุนจาก
พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลต่อการตัดสินใจของสมาชิกวุฒิสภา
ที่อยู่ในเครือข่ายของพล.อ. ประวิตร ไม่ให้ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ จนท าให้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนระบบเลือกตั้งผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาไปได้
ผลกระทบทางการเมืองของการเปลี่ยนกติกา: ภูมิทัศน์ใหม่ของการเมืองไทยและผลลัพธ์ที่ไม่ตรง
กับการออกแบบ
ในส่วนผลกระทบของการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากระบบจัดสรรปันส่วนผสมมาเป็นระบบ
ผสมแบบเสียงข้างมากในการเลือกตั้งปี 2566 งานวิจัยชิ้นนี้พบว่าผลกระทบที่ส าคัญ 5 ประการหลักมี
ดังต่อไปนี้
ก. ความเป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกับที่นั่ง (proportionality)
เมื่อน าผลการเลือกตั้งปี 2566 เปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งระหว่างปี 2544-2562 พบว่า
ความเป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนและที่นั่งของพรรคที่ชนะเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ
การเลือกตั้งปี 2544 ซึ่งใช้ระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมากเช่นเดียวกัน เพียงแต่ความไม่เป็น
สัดส่วนเกิดขึ้นคนละทิศทาง ในการเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทยซึ่งชนะอันดับหนึ่งได้ที่นั่งเกิน
สัดส่วนคะแนนนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรค ในขณะที่ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลได้ที่นั่งน้อย
เกินกว่าคะแนนที่ประชาชนมอบให้พรรค แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบความไม่เป็นสัดส่วนที่เกิด