Page 82 - 23154_Fulltext
P. 82

77


                       รัฐสภา เป็นระบบสภาเดี่ยว เรียกว่า “สภาแห่งชาติ” (Jatiya Sangsad) สมาชิกจะมาจากการเลือกตั้ง

               ทางตรงตามบัญญัติมาตรา 65 จะประกอบด้วยสมาชิก 355 คน แบ่งออกได้ดังนี้
                              “มาตรา 65 (2) รัฐสภาประกอบด้วยสมาชิกจ านวน 300 คน มาจากการเลือกตั้งทางตรง

                              มาตรา 65 (3) รัฐสภาจะมีวาระคราวละ 10 ปีนับตั้งแต่มีการประชุมสภาครั้งแรก และจากการ
                       แก้ไขรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 2004 ให้มีการส ารองที่นั่งในสภาจ านวน 55 ที่นั่งให้แก่สมาชิกรัฐสภาที่เป็นสตรี

                       โดยขั้นตอนการเลือกจะเป็นการเลือกตั้งโดยสมาชิกสภา 300 คนในข้างต้นด้วยการออกเสียงสอดคล้องกับ
                       ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนแบบเสียงเดียวโอนย้ายได้ (single transferable vote)”
                       นอกจากนั้นตามมาตรา 75 การออกเสียงลงคะแนนของสภาแห่งชาติจะตัดสินด้วยคะแนนแบบเสียงข้าง

               มาก และการประชุมแต่ละครั้งต้องมีสมาชิกไม่ต่ ากว่า 60 คน ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีการเลื่อนประชุมสภา อย่างไรก็
               ตาม นอกจากการท างานผ่านการประชุมสภาแล้ว รัฐสภายังมีอ านาจแต่งตั้งสมาชิกรัฐสภาเพื่อด ารงต าแหน่ง

               สมาชิกกรรมาธิการสภาได้อีกด้วยตามมาตรา 76
                       ในส่วนของกระบวนการนิติบัญญัตินั้น สภาแห่งชาติตามมาตรา 80 สามารถเสนอและผ่านร่างกฎหมายได้

               ด้วยการลงคะแนนเสียงข้างมากและส่งไปยังประธานาธิบดีให้อนุมัติหรือมีความคิดเห็นตอบกลับ เว้นแต่เป็นร่าง
               กฎหมายการเงินที่จะต้องได้รับค าแนะน าจากประธานาธิบดีเสียก่อนตามมาตรา 82


                       สรุป

                       บังกลาเทศเป็นกรณีศึกษาที่ของประเทศที่ได้รับเอกราชและก่อตั้งประเทศในช่วงทศวรรษ 1970
               พัฒนาการของระบบรัฐสภาบังกลาเทศสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ช่วงที่ส าคัญ ได้แก่

                       1)  ส่วนแรกคือ ช่วง ค.ศ. 1971-1974 หลังจากเผชิญกับทั้งสภาวะอาณานิคมและการปกครองภายใต้
                          จักรวรรดิอังกฤษหรือปากีสถาน เช่นนั้นแล้วบังกลาเทศจึงเป็นประเทศที่มีชุมชนทางการเมืองยึด

                          มั่นอัตลักษณ์ทางการเมืองแบบชาตินิยมอันแสดงถึงความภาคภูมิใจในเอกราชของชาติ รวมถึงมีความ
                          ยึดถือความนิยมที่มีต่อวีรบุรุษผู้กอบกู้ชาติบังกลาเทศก็คือ Sheikh Mujibur Rahman ผู้น าแห่งพรรค

                          Bangladesh Awami League หรือพรรค AL ซึ่งพรรค AL มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมากต่อ
                          ประชาชนชาวบังกลาเทศ ส่งผลให้ระบบรัฐสภาสมัยแรกของบังกลาเทศหลังก่อตั้งชาติเป็นการน า

                          การเมืองโดยพรรค AL ภายใต้ผู้น ามีบารมีทางการเมืองอย่าง Mujib ระบบการท างานของรัฐสภาจึงมี
                          ลักษณะของความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่การต่อรองอยู่ในการครอบง าของพรรค AL เป็นหลัก จนกระทั่ง

                          ราว ค.ศ. 1975 เหตุการณ์ลอบสังหาร Mujib และการรัฐประหารซ้ าซ้อนส่งผลให้การเมืองของ
                          บังกลาเทศถอยหลังคืนสู่ระบอบผสมที่มีความเป็นอ านาจนิยมน าโดยกองทัพ
                       2)  ค.ศ. 1977-1990 จึงเป็นไปอย่างไม่ตั้งมั่น แม้จะมีการชี้น าทางการเมืองโดยนายพลที่มาจากการ

                          เลือกตั้งและตั้งพรรคการเมืองไว้สืบทอดอ านาจอย่างพรรค BNP หรือพรรค JP แต่ก็มีการต่อต้านจาก
                          ประชาชนและกองทัพคนละขั้วอุดมการณ์
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87