Page 79 - 23154_Fulltext
P. 79

74


               การเมืองของกองทัพไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตหนึ่งก็คือ รัฐบาลน าโดยทหารของทั้ง

               Zia และ Ershad ต่างรักษาเสถียรภาพไม่ได้เกินกว่า 1 วาระหรือ 5 ปี โดยสังเกตได้จากการที่ Zia ถูกลอบสังหาร
               โดยกองทัพ ขณะที่ Ershad ถูกพรรคฝ่ายค้านและมวลชนกดดันให้ลาออก
                       อย่างไรก็ตาม ลักษณะของระบบรัฐสภาที่ตั้งมั่นในช่วงหลัง ค.ศ. 1991 เป็นต้นมานั้นเกิดขึ้นได้ด้วยปัจจัย

               ใด Ahmed (2001) อธิบายว่าเป็นเพราะการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1991 มีผู้รับผิดชอบจัดการเลือกตั้งโดยรัฐบาล
               รักษาการที่ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันฝ่ายใด (non-partisan caretaker governments: NCGs) ซึ่งเป็นการที่งานที่

               ได้รับอ านาจและความชอบธรรมจากรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของบังกลาเทศในช่วง ค.ศ.
               1991 นี้ยังน ามาสู่ข้อสังเกตของ Ahmed ที่สังเกตว่า ระบบรัฐสภาบังกลาเทศยังไม่ได้รับการปฏิรูประบบการ

               ท างานของคณะกรรมาธิการให้มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างเพียงพอ โดยปัจจัยที่ท าให้ระบบคณะกรรมาธิการ
               ของบังกลาเทศไม่ได้เป็นประชาธิปไตยมากเพียงพอนั้นมีปัจจัยอย่างน้อย 3 ปัจจัย ได้แก่

                       1)  โครงสร้างของคณะกรรมาธิการในประเด็นเกี่ยวเนื่องกับกระทรวง (department-related
                          committees: DPCs) เนื่องจากโดยโครงสร้างแล้วรัฐมนตรีจ าเป็นต้องเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการที่

                          ประเด็นเกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นวาระการประชุมของคณะกรรมาธิการ
                          DPCs จึงถูกก าหนดเนื้อหาการประชุมและทิศทางการท างานโดยรัฐมนตรี ขณะที่ผู้มีความรู้

                          ความสามารถแต่ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือบารมีทางการเมืองจึงเป็นเพียงคณะท างานที่ไม่สามารถแสดง
                          บทบาทตนเองได้เต็มที่ นอกจากนั้นยังส่งผลลดทอนบรรยากาศที่กระตุ้นต่อก าลังใจในการท างานของ
                          คณะกรรมาธิการ นอกจากนั้นจ านวนคณะกรรมาธิการบางชุดยังมีจ านวนเยอะเกินความจ าเป็น

                          รวมถึงสัดส่วนของข้าราชการที่มากจนเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงจากระบบราชการ ข้อเสนอต่อปัจจัย
                          ข้อแรกจึงเป็นการเสนอให้มีผู้มีอาวุโสประจ าพรรคมาช่วยสนับสนุนหรือกระตุ้นให้กรรมาธิการที่ไม่มี

                          ชื่อเสียงโดดเด่นแต่ปรารถนาที่จะท างานได้แสดงออกมากขึ้น และอีกข้อเสนอคือ การลดจ านวน
                          คณะกรรมาธิการในสัดส่วนที่เกินจ าเป็นต่อการท างานลง
                       2)  การที่พรรคการเมืองมีบทบาทครอบง าการท างานของคณะกรรมาธิการเนื่องจากพรรคทั้งเป็นผู้

                          ก าหนดสมาชิกที่จะไปเป็นกรรมาธิการ รวมถึงสมาชิกที่ไม่ท าหน้าที่กรรมาธิการตามที่พรรคต้องการ
                          จะถูกพรรคไม่เสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงต าแหน่งสภาผู้แทนราษฎรในสมัยถัดไป นอกจากนั้นด้วยการ

                          แบ่งขั้วทางการเมืองระหว่าง พรรค AL กับพรรค BNP ส่งผให้การท างานร่วมกันจากพรรคคู่แข่งกัน
                          ท างานร่วมกันได้ล าบากยิ่งขึ้น

                       3)  พฤติกรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะ Ahmed ได้ชี้ให้เห็นว่า รัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง
                          ในปี ค.ศ. 1991 มีคณะกรรมาธิการจ านวน 2 ใน 3 ที่เป็นนักการเมืองอ่อนประสบการณ์และยังไม่

                          สามารถท าหน้าที่ได้คล่อง โดยรวมทั้งสามข้อแล้วจึงส่งผลให้การท างานของคณะกรรมาธิการของ
                          บังกลาเทศยังคงผูกมัดกับอิทธิพลของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ภายใต้สภาวะการแบ่งขั้วทางการเมือง
                          แต่ยังไรบทบาทกรรมาธิการเองก็ยังถูกมองว่าส าคัญในฐานะของพื้นที่เก็บสั่งสมประสบการณ์

                          ประนีประนอมทางการเมืองของนักการเมืองรุ่นใหม่ได้เช่นกัน
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84