Page 78 - 23154_Fulltext
P. 78

73


                       การเปลี่ยนผ่านช่วงแรกหลังจากเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยแบบเปราะบางได้แล้ว ช่วง ค.ศ. 1972 เป็นต้น

               มา ความนิยมและอิทธิพลของพรรค AL และผู้น าอย่าง Mujib ยังคงได้รับการสนับสนุนจากมวลชนที่เห็นพ้องกับ
               นโยบายความเป็นกลางทางศาสนา ทว่าความมั่นคงของ พรรค AL เองก็พบความเปราะบางของพรรคจากการที่มี
               การแบ่งกลุ่มภายในพรรค Jahan (1976) ศึกษารัฐสภาของบังกลาเทศในห้วงเวลา ค.ศ. 1972-1974 ได้ข้อค้นพบ

               3 ประการส าคัญ ได้แก่
                       1)  หลังเปลี่ยนผ่านทางการเมืองใหม่ รัฐสภาจ าเป็นต้องพึ่งพาอิทธิพลในการชี้น าการเมืองโดยชนชั้นน า

                          ทางการเมือง ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ของสภาล้วนมาจากพรรค AL รวมถึงในกระบวนการจัดท านโยบาย
                          สาธารณะเช่นกันที่สมาชิกสภาจากพรรครัฐบาลมีบทบาทส าคัญ ดังนั้นจึงสังเกตได้ว่าสมาชิกสภาที่

                          สังกัดพรรครัฐบาลจึงมีบทบาทส าคัญในระบบรัฐสภา ในฐานะผู้ประสานระหว่างพรรคที่ถืออ านาจ
                          ปกครอง ตัวแทนฝ่ายบริหาร และความเป็นตัวแทนของประชาชน

                       2)  สมาชิกสภาฝ่ายรัฐบาลมีสมาชิกที่เป็นคนกลุ่มอายุ 25-35 มากขึ้นอย่างมีนัยส าคัญที่ 14.8%
                          เปรียบเทียบระหว่างสภาสมัยปี ค.ศ. 1970 กับ 1973 ขณะเดียวกันสมาชิกสภากลุ่มช่วงอายุดังกล่าว
                          ก็ต่างมาจากตระกูลการเมืองชนชั้นเจ้าที่ดินเช่นกัน จึงกล่าวได้ว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านรุ่นของชน

                          ชั้นน าทางการเมือง
                       3)   สมาชิกรัฐสภาบังกลาเทศต่างให้ความส าคัญกับบทบาทนอกสภาในการควบคุมประเด็นระบบ

                          การศึกษาในพื้นที่ตนเอง เนื่องจากระบบการศึกษายังคงเป็นมรดกของอังกฤษและปากีสถาน การจัด
                          ระเบียบสถานศึกษาแต่ละเขตเสียใหม่จึงเป็นบทบาทของสมาชิกสภาในการจัดระเบียบทางการเมือง

                          ต่อความคิดของนักเรียน เพื่อสนับสนุนให้ความคิดนักเรียนสอดคล้องไปกับพัฒนาการทางการเมืองที่
                          พรรครัฐบาลต้องการต่อไปในภายภาคหน้าด้วย

                       ทว่าการเมืองของบังกลาเทศได้เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อเกิดการลอบสังหารผู้น า Mujib ประกอบ
               กับมีรัฐประหารและรัฐประหารซ้อนกันไปมา ท้ายสุดแล้วจึงเป็นการเปิดทางให้ผู้น าคนใหม่คือ นายพล Ziaur
               Rahman หรือเรียกว่า นายพล Zia ที่เข้าสู่ต าแหน่งประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1977 รวมถึงการเกิดขึ้นของพรรค

               การเมืองเพื่อดึงคะแนนสนับสนุนกองทัพภายใต้ชื่อพรรคชาตินิยมบังกลาเทศ (Bangladesh Nationalist Party:
               BNP) ระเบียบการเมืองของบังกลาเทศได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยส าคัญบนฐานคิดแบบการเมืองอิสลาม Hasan

               (2011) อธิบายว่าเกิดการแทนที่จากอัตลักษณ์ทางศาสนาแบบรัฐฆราวาสสู่รัฐอิสลาม ข้อสังเกตมาจากตัวอย่างที่
               เกิดขึ้น เช่น การบัญญัติศรัทธาในศาสนาอิสลามไว้ในบทน าของรัฐธรรมนูญ การประดับค าสอนจากอัลกุรอานไว้ที่

               ท าเนียบรัฐบาล หรือนโยบายการศึกษาที่เป็นการผลักดันศาสนาอิสลามในเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการเสริมการสอน
               ภาษาอาหรับในโรงเรียน หรือการตั้งมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัยด้านอิสลามมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ก่อนที่ใน ค.ศ.

               1988 จะประกาศให้อิสลามเป็นศาสนาหลักของรัฐอย่างเป็นทางการ (แม้จะถูกแก้ไขกลับมาเป็นรัฐฆราวาส
               ภายหลังก็ตาม) ซึ่งจากช่วงเวลา ค.ศ. 1982-1990 Ahmed (2001) ได้ชี้ให้เห็นว่า ความพยายามจัดระเบียบ
               การเมืองของนายพล Zia ในช่วง ค.ศ. 1975-1981 ได้น ามาสู่ระบอบการเมืองพรรคเดียวที่น าโดยพรรค BNP

               รวมถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาและตุลาการท างานได้เสรียิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนสู่ยุคของนายพล Hussain
               Muhammad Ershad ในช่วง ค.ศ. 1982-1990 ที่ได้ตั้งพรรค Jatiya Party (JP) มาเพื่อรักษาความชอบธรรมทาง
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83