Page 76 - 23154_Fulltext
P. 76

71


               บัญญัติมาตรา 1 แห่งรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นประมุขแห่งรัฐคือ กษัตริย์ (Yang di-Pertuan Agong) ผู้ซึ่งมีที่มา

               ตามมาตรา 32 ได้รับการเลือกตั้งจากองค์ประชุมแห่งผู้ปกครอง (Conference of Rulers) โดยกษัตริย์จะทรงมี
               วาระคราวละ 5 ปี ทั้งนี้ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา จะประกอบด้วยอ านาจและหน้าที่ดังนี้
                       ส่วนของสภาผู้แทนราษฎร มีจ านวน 222 คน ตามมาตรา 46 แบ่งเป็นตัวแทนจากการเลือกตั้งของสัดส่วน

               จาก 13 มลรัฐ รวม 209 คน และสัดส่วนดินแดนสหพันธ์ (กัวลาลัมเปอร์ ลาบวน และปุตราจายา) 13 คน และมี
               วาระคราวละ 5 ปีตามมาตรา 55 (3) ขณะที่อ านาจยุบสภาเป็นไปตามมาตรา 55 (2) โดยเป็นอ านาจของกษัตริย์

                       ขณะที่อ านาจในการผ่านร่างกฎหมายที่เฉพาะเจาะจงเป็นอ านาจของสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นไปตาม
               มาตรา 68 ซึ่งเจาะจงขอบเขตของร่างกฎหมายการเงิน และหากวุฒิสภาไม่ได้ส่งกลับมาภายใน 1 เดือน ให้ถือว่า

               ร่างกฎหมายได้รับความเห็นชอบและส่งไปให้กษัตริย์แสดงความยินยอมประกาศใช้ได้โดยตรง
                       ในส่วนของวุฒิสภา วาระของวุฒิสมาชิกจะมีก าหนดที่ 3 ปี และไม่ได้รับผลกระทบจากการยุบสภา

               ผู้แทนราษฎรตามมาตรา 45 (3) และไม่สามารถเป็นติดต่อกันเกิน 2 สมัย และมีที่มาตามมาตรา 45 ดังนี้
                              “มาตรา 45 วุฒิสภาจะประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง

                       (a) วุฒิสมาชิกทุก 2 คนจากแต่ละมลรัฐจะมาจากการเลือกตั้ง

                       (b) กษัตริย์ทรงมีอ านาจในการแต่งตั้งวุฒิสมาชิก ได้แก่ วุฒิสมาชิกจากดินแดนสหพันธ์กัวลาลัมเปอร์ 2
               คน วุฒิสมาชิกจากดินแดนสหพันธ์ลาบวน 1 คน และวุฒิสมาชิกจากดินแดนสหพันธ์ปุตราจายา 1 คน
                       (c)  กษัตริย์ทรงมีอ านาจในการแต่งตั้งวุฒิสมาชิก 40 คน”

                       อ านาจนิติบัญญัติของวุฒิสภามีความใกล้เคียงกับสภาผู้แทนราษฎร ทั้งในการริเริ่มเสนอกฎหมาย และการ

               ตรวจสอบร่างกฎหมาย หากแต่ยกเว้นในบางขอบเขต ตามมาตรา 66 ดังนี้
                              “มาตรา 66 (1) อ านาจนิติบัญญัติของรัฐสภาจะเป็นการผ่านร่างกฎหมายโดยความร่วมมือของ
                       สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ยกเว้นบางประเด็นที่มาตรานี้ก าหนด จากนั้นส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้

                       กษัตริย์แสดงความยินยอม

                              มาตรา 66 (3) กฎหมายที่ริเริ่มโดยสภาใด ให้ส่งต่อให้อีกสภาพิจารณาร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว
                       ก่อนจะส่งให้กษัตริย์ทรงประกาศใช้”



                       สรุป

                       พัฒนาการของระบบรัฐสภามาเลเซียมีรากฐานส าคัญอยู่บนฐานคิดเรื่องของอัตลักษณ์ระหว่างชุมชน

               การเมือง กลุ่มหนึ่งมีความเป็นชาตินิยมยึดโยงกับความเป็นถิ่นก าเนิด ขณะที่อีกกลุ่มเป็นอัตลักษณ์พหุนิยมที่เข้ามา
               อยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะความเป็นคนจีน เมื่อมาเลเซียประกาศเอกราชจากประเทศอังกฤษใน ค.ศ. 1957 ส่งผลให้

               ประชาชนมาเลเซียล้วนได้รับสิทธิความเป็นพลเมืองแม้ไม่ใช่ชาวมาเลย์โดยก าเนิด ทว่าชนชั้นน าชาวมาเลย์ชาตินิยม
               ยังครองอ านาจน าในการกระจายผลประโยชน์ทางการเมืองตลอดจนสิทธิประโยชน์ในฐานะพลเมืองมาเลเซียอย่าง

               ไม่เท่าเทียมกับชาวมาเลย์ดั้งเดิม นอกจากนั้นสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอย่างระบบรัฐสภาก็เป็นไปอย่างจ ากัด
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81