Page 87 - 23154_Fulltext
P. 87

82


               การเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล เป็นเหตุให้กัมพูชาถูกประเมินว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเผด็จการ เพราะโครงสร้าง

               สถาบันการเมืองไม่สามารถจ ากัดอ านาจความเป็นเผด็จการอ านาจนิยมได้อย่างแท้จริง
                       ในส่วนของอ านาจและหน้าที่ของระบบรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1993 (แก้ไขเพิ่มเติม
               ค.ศ. 2008) แม้ว่าจะระบุขอบเขตอ านาจและหน้าที่ของระบบรัฐสภาใกล้เคียงกับข้อจ ากัดทางอ านาจที่ประเทศเสรี

               นิยมใช้ ไม่ว่าจะเป็นการลงคะแนนของเสียงข้างมาก หรือการมีภูมิคุ้มกันทางกฎหมายของสมาชิกรัฐสภา แต่
               อย่างไรก็ตามปัจจัยเหล่านั้นไม่สามารถคุ้มครองให้ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาเกิดการต่อรองได้ตาม

               กลไกของรัฐสภาที่เป็นไปตามหลักเสรีประชาธิปไตย หากแต่กระบวนการทั้งหมดล้วนเป็นไปตามความต้องการของ
               ชนชั้นน าทางการเมืองอย่างฮุน เซน น ามาสู่การกดปราบฝ่ายค้านในระบบรัฐสภาไม่ให้ต่อต้านต่อรัฐบาลแต่อย่างใด


                       3.10 เอธิโอเปีย


                       พัฒนาการทางประวัติศาสตร์

                       เอธิโอเปียเป็นกรณีศึกษาของประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่

               20 โดยเกิดการเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตยภายหลังเกิดการปฏิวัติ
               ประชาชนในปี ค.ศ. 1974 ซึ่งท าให้กองทัพท ารัฐประหารยึดอ านาจ และเกิดเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพ

               กับขบวนการติดอาวุธของประชาชนเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 16 ปี จึงสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1991 ด้วยชัยชนะของ
               ประชาชนที่น าโดยกลุ่มแนวหน้าประชาชนเอธิโอเปียปฏิวัติประชาชน (Ethiopian People's Revolutionary
               Democratic Front: EPRDF) และกลุ่มพรรคการเมือง EPRDF นี้เองก็เป็นแกนน าในการตั้งรัฐบาลเพื่อเร่งภารกิจ

               ปฏิรูปทางการเมือง ดังนั้นแล้วหมุดหมายส าคัญในการปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยจึงเกิดขึ้นในปี ค.ศ.
               1991จากความพยามยามของกลุ่ม EPRDF ในการสร้างประชาธิปไตยและสันติภาพ และรวบรวมตัวแทนเพื่อจัดตั้ง

               คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จนในที่สุดได้ผลส าเร็จคือ รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐสหพันธรัฐประชาธิปไตย
               เอธิโอเปีย ค.ศ. 1994


                       ในด้านพัฒนาการของระบบรัฐสภาของเอธิโอเปียนั้น Berhanu (2005) ศึกษาเปรียบเทียบวิถีของ
               กระบวนการนิติบัญญัติใน 3 ระบอบการเมืองที่เป็นการพัฒนาต่อเนื่องกัน ได้แก่ ยุคของจักรพรรดิ Haileselassie
               ภายในยุคนี้กล่าวได้ว่าเป็นระเบียบไร้พรรคภายใต้จักรวรรดิ อ านาจสูงสุดของประเทศจึงอยู่ในการควบคุมของ

               จักรพรรดิผ่านการจัดการฝ่ายบริหารและองค์กรทั้งกองทัพและภาคราชการ ขณะที่ระบบรัฐสภาของเอธิโอเปีย
               ในช่วงที่ใช้งานรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1931 จะแบ่งเป็นวุฒิสภาจ านวน 25 คนมาจากการแต่งตั้งของจักรพรรดิทั้งหมด

               และสภาผู้แทนราษฎรจะมาจากการเลือกของผู้บริหารระดับจังหวัดเพื่อส่งชื่อให้องค์จักรพรรดิแต่งตั้ง
               สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละเขตจากผู้ที่มีคุณลักษณะจงรักภักดีต่อจักรพรรดิและเป็นผู้ที่มีศรัทธาในศาสนา

               อย่างไรก็ตามหลังจากแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในปี ค.ศ. 1955 ได้ขยายสิทธิเลือกตั้งทั่วไป ประกอบกับเพิ่ม
               เงื่อนไขให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้หากครอบครองทรัพย์สินตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญ

               ก าหนด ส่งผลให้ปัญหาที่ยังคงอยู่ก็คือ พื้นที่ชนบทไม่สามารถมีตัวแทนที่สะท้อนเสียงของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92