Page 88 - 23154_Fulltext
P. 88
83
และเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวแทนของชนชั้นน าในพื้นที่ชนบทเข้าครองอ านาจต่อรองในสภาในฐานะของตัวแทนที่
ไม่ได้สะท้อนความเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด
จนกระทั่งต่อมาเกิดการปฏิวัติโดยกองทัพใน ค.ศ. 1974 ถัดมาจึงเป็นยุคเผด็จการพรรคเดียวของ Derg
อ านาจของรัฐสภาและฝ่ายบริหารถูกรวบอ านาจเข้ามาอยู่ภายใต้สภาบริหารเฉพาะกาลโดยกองทัพ (Provisional
Military Administrative Council: PMAC) จนกระทั่งปี ค.ศ. 1985 เป็นต้นมาได้เริ่มมีกระบวนการสืบทอด
อ านาจของกองทัพ ได้แก่ ส่วนแรกผ่านพรรคแรงงานแห่งเอธิโอเปีย (Worker’s Party of Ethiopia: WPE) และ
ส่วนที่สองคือการออกแบบรัฐธรรมนูญที่มีศูนย์กลางการมีส่วนร่วมออกแบบโดยสมาชิกพรรค WPE ข้าราชการ
และผู้เชี่ยวชาญที่มีความใกล้ชิดกับพรรค WPE โดยที่วัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญเป็นไปเพื่อสร้างหลักประกันการ
กลับสู่อ านาจให้แก่พรรค WPE รวมถึงให้อ านาจแก่สภานิติบัญญัติแห่งชาติในการใช้อ านาจโดยไม่ขัดกับความอิสระ
ของรัฐบาลท้องถิ่น ทั้งนี้รูปแบบความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาที่ก าหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเอธิโอเปีย ค.ศ.
1987 จึงเป็นการรวมศูนย์อ านาจไว้ที่สภาแห่งรัฐให้เป็นฝ่ายบริหารที่มีอ านาจเหนือสภานิติบัญญัติซึ่งเป็นเสมือน
ตรายางในการผ่านกฎหมายเท่านั้น
ยุคการปฏิวัติประชาชนโดยกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง EPRDF อันประกอบด้วย 4 พรรคการเมือง
ได้แก่ พรรค Tigray People's Liberation Front (TPLF) พรรค Amhara Democratic Party (ADP) พรรค
Oromo Democratic Party (ODP) และพรรค Southern Ethiopian People's Democratic Movement
(SEPDM) หลัง ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1994 ได้ก าหนดโครงสร้างของระบบรัฐสภาใหม่ในระบบ
สภาคู่ แบ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎร จากการเลือกตั้งทางตรงจากแต่ละเขตเลือกตั้ง รวมไม่เกิน 550 คน มี 20 คน
เป็นสัดส่วนส ารองให้ชนกลุ่มน้อย และสภาสหพันธ์ที่มีสัดส่วนจากแต่ละพื้นที่ โดยมี 1 ตัวแทนต่อทุก 1 ล้าน
ประชากรในแต่ละเขต อย่างไรก็ตามปัญหาความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาเอธิโอเปียยังคงเผชิญกับ
ปัญหาของการที่ฝ่ายบริหารไม่สามารถถูกตรวจสอบและถ่วงดุลโดยเสียงข้างน้อย แม้จะมีที่นั่งของสัดส่วนชนกลุ่ม
น้อยมากขึ้นจากห้วงเวลายุคก่อนหน้าก็ตาม ประกอบกับข้อกฎหมายไม่ได้ก าหนดกลไกของความสัมพันธ์ระหว่าง
ภายในฝ่ายนิติบัญญัติอย่างละเอียดเพียงพอเนื่องจากการขาดประสบการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้กลไกของรัฐสภา
เป็นไปเพื่อสนองผลประโยชน์ของพรรครัฐบาลและผลประโยชน์ส่วนตนของผู้แทนเป็นหลัก มากกว่าจะเป็นการท า
หน้าที่นิติบัญญัติอย่างมีธรรมาภิบาลหรือเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ
ทั้งนี้เมื่อเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยสู่การใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1994 Ashenafi (2003) อธิบายว่า ประเด็น
เรื่องสิทธิมนุษยชนกลายเป็นหัวใจส าคัญของรัฐธรรมนูญ กลไกบางประการถูกเพิ่มเข้ามาผ่านระบบรัฐสภาเพื่อ
สร้างเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน อย่างเช่น คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนที่ถูกตั้งขึ้นมาใน ค.ศ.
2000 เป็นต้น ทว่ากลไกดังกล่าวก็อยู่ในกระบวนการที่ต้องการปฏิรูปทางกฎหมายเพื่อขยายกรอบการท างานเชิง
นิติบัญญัติ รวมถึงการขยายขอบเขตกรท างานของสภานิติบัญญัติร่วมกันตุลาการเช่นกัน Ibrahim (2015) อธิบาย
ในทางกลับกันว่า ระบบรัฐสภาของเอธิโอเปียเผชิญกับภัยคุกคามจากมิติความเป็นอ านาจนิยมที่รัฐธรรมนูญได้สร้าง
ไว้ผ่านโครงสร้างของระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากธรรมดา (first past the post) ผู้แทนเขตละคน ประกอบกับ
บริบททางการเมืองที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านบอยคอตการเลือกตั้ง ส่งผลให้พรรค EPRDF ครองอ านาจรัฐสภาทั้ง