Page 91 - 23154_Fulltext
P. 91

86


               ระหว่างแต่ละมลรัฐภายใต้รูปแบบการปกครองแบบสหพันธ์ และมีบทบาทในการร่วมพิจารณาร่างกฎหมายที่

               บัญญัติโดยสภาผู้แทนราษฎร
                       สรุป


                       พัฒนาการของระบบรัฐสภาเอธิโอเปียสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค ได้แก่
                       1)  ช่วงการปกครองภายใต้ระบอบจักรพรรดิ โดยมีรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1931 เป็นเครื่องมือก าหนด
                          โครงสร้างขงระบบรัฐสภาให้อยู่ภายใต้อ านาจของจักรพรรดิ ทั้งในแง่ของที่มาของต าแหน่ง และในแง่

                          ของการใช้อ านาจนิติบัญญัติเองก็อยู่ภายใต้ความเห็นชอบของจักรพรรดิเสมอ ระบบรัฐสภาจึงเป็น
                          ระบบที่ไม่มีความอิสระในทางการเมือง เนื่องจากอยู่ภายใต้การครอบง าขององค์จักรพรรดิ

                       2)   ช่วงการปกครองภายใต้ระบอบอ านาจนิยมกองทัพ Derg ในช่วง ค.ศ. 1974 เป็นต้นมา โดยมี
                          รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1987 เป็นเครื่องมือที่กองทัพวางกรอบไว้เพื่อเป็นกลไกในการสืบทอดอ านาจอย่าง

                          เป็นระบบ พร้อมกันกับเตรียมการตั้งพรรค WPE ไว้เผื่อเป็นสถาบันการเมืองในภายภาคหน้า ในช่วง
                          เวลานี้ระบบรัฐสภาจึงเป็นไปอย่างไร้อิสระในการท าหน้าที่นิติบัญญัติ เพราะว่าอ านาจบริหารและนิติ

                          บัญญัติต่างถูกครอบง าอยู่ภายใต้การรวมศูนย์อ านาจของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มีกองทัพเป็นแกน
                          ส าคัญ จนกระทั่งเกิดความเปลี่ยนแปลงส าคัญคือ การปฏิวัติประชาชนภายใต้การน าของกลุ่ม
                          การเมือง EPRDF

                       3)  ช่วงเวลาถัดมาจึงเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของกลุ่มแนวหน้า
                          ประชาชนเอธิโอเปียปฏิวัติประชาชน (Ethiopian People's Revolutionary Democratic Front:

                          EPRDF) อันประกอบด้วย 4 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรค Tigray People's Liberation Front
                          (TPLF) พรรค Amhara Democratic Party (ADP) พรรค Oromo Democratic Party (ODP) และ

                          พรรค Southern Ethiopian People's Democratic Movement (SEPDM) พร้อมกับการ
                          ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1994 ซึ่งเปรียบเสมือนหมุดหมายส าคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่

                          ประชาธิปไตยด้วยการออกแบบให้ระบบรัฐสภามีความเป็นประชาธิปไตย ทั้งในแง่ของที่มาและ
                          ขอบเขตการบัญญัติกฎหมาย รวมถึงการออกแบบความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้ระบบรัฐสภามีอ านาจ
                          เหนือกว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี ไม่ว่าจะในแง่ของที่มาซึ่งรัฐสภาเป็นผู้ควบคุมการเสนอ

                          ชื่อและออกเสียงเห็นชอบ ตลอดจนอ านาจในการผ่านร่างกฎหมายที่ไม่สามารถถูกแทรกแซงโดยฝ่าย
                          บริหารตราบเท่าที่กฎหมายดังกล่าวเป็นการเสนอภายใต้ขอบเขตที่รัฐธรรมนูญอนุญาต


                       เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภา ทั้งอ านาจที่สภาผู้แทนราษฎรสัมพันธ์กับสภา

               แห่งสหพันธ์ หรืออ านาจของสภาผู้แทนราษฎรสัมพันธ์ต่อนายกรัฐมนตรี สังเกตได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นฝ่ายที่
               ครองอ านาจน าในทางนิติบัญญัติตราบเท่าที่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้กระท าได้ นอกจากนั้นหากพิจารณาจาก

               กรอบความสัมพันธ์เชิงอ านาจดังกล่าว จึงตั้งข้อสังเกตได้ว่า พรรคการเมืองขนาดใหญ่หรือมีพรรคร่วมเข้มแข็งย่อม
               ได้เปรียบภายใต้โครงสร้างทางอ านาจเช่นนี้ เนื่องจากความสัมพันธ์เชิงอ านาจในระบบรัฐสภาเอธิโอเปียสนับสนุน
   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96