Page 95 - 23154_Fulltext
P. 95
90
หากอธิบายอย่างเจาะรายละเอียดโดยสรุปของแต่ละกลุ่มทางสังคมในช่องพุทธทศวรรษ 2470 นครินทร์
เมฆไตรรัตน์ (2553) พยายามอธิบายแต่ละกลุ่มทางสังคมของสยามที่มีส่วนกับบรรยากาศต่อการเกิดปฏิวัติสยาม
พ.ศ. 2475 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มของเจ้านายที่สมาทานวัฒนธรรม “ขัตติยะมานะ” ต้องเข้ารับ
ราชการเพื่อช่วยบ้านเมืองอันถือเป็นศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลในการช่วยเหลือประเทศ ท าให้เกิดการกระจุกตัวของ
กลุ่มเจ้านายในระบบราชการ และยังลดโอกาสแข่งขันเพื่อรับต าแหน่งข้าราชการระดับสูงไว้ที่กลุ่มเจ้านายเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในมิติของอ านาจการเมือง ช่วงพุทธทศวรรษ 2470 สถาบันกษัตริย์ยังคงเป็นสถาบันที่
ครองอ านาจสัมบูรณ์ในความสัมพันธ์เชิงอ านาจท่ามกลางความพยายามปรับตัวของสถาบันการเมืองในตอบรับต่อ
กระแสสังคมที่ไม่เพียงเรียกร้องให้มีความโปร่งใสของการประชุมอภิรัฐมนตรีสภา แต่ก็ยังมีกระแสของการเรียกร้อง
ให้มีคอนสติติวชั่น (หรือปัจจุบันเรียกว่า รัฐธรรมนูญ) โดยที่ยังคงให้อ านาจสูงสุดอยู่ที่สถาบันกษัตริย์ ทว่าในทาง
กลับกัน ก็มีพลังการคัดค้านภายในกลุ่มเจ้านายระดับสูงที่ยังคงมีอิทธิพลในการกดดันต่อการตัดสินใจของกษัตริย์
ทั้งการคัดค้านประชาภิบาลจากที่ประชุมเสนาบดี หรือการที่พระราชทานรัฐธรรมนูญทั้งฉบับของพระยาศรีวิสาร
วาจาและเรย์มอนด์ บี สตีเวนส์ ได้รับเสียงคัดค้านจากเจ้านายชั้นสูง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงสะท้อนได้ว่า การปฏิวัติสยาม
พ.ศ. 2475 เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์เชิงอ านาจแบบเดิมในระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่แม้กษัตริย์รวมศูนย์อ านาจ ทว่าก็ต้องให้ความส าคัญกับการสร้างสมดุลทางอ านาจต่อกลุ่ม
เจ้านายระดับสูงที่สามารถสะสมทุนทางเศรษฐกิจและมีต าแหน่งทางการเมืองในระดับที่สามารถสะท้อนความ
คิดเห็นต่อนโยบายหรือการริเริ่มสถาบันการเมืองแบบใดก็ตาม การตัดสินใจบนทางแพร่งบนสถานการณ์เช่นนี้จึง
เป็นการสะสมความตึงเครียดและสภาวะที่ไม่สามารถเปลี่ยนผ่านทางการเมืองได้จนมีส่วนให้เกิดความชอบธรรมแก่
การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของสังคมการเมืองสยามก่อนที่จะมีการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ในงานของธ ารง
ศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ (2543) อธิบายว่า กลุ่มคณะราษฎรเป็นการรวมตัวของกลุ่มนักเรียนต่างประเทศผู้มี
อุดมการณ์ทางการเมืองทั้งสายทหารและพลเรือน รวมถึงมีการขยายสมาชิกผ่านความเป็นเพื่อนนักเรียน เพื่อน
ร่วมงาน ศานา เพื่อนร่วมงาน เครือญาติ และความเป็นลูกศิษย์-อาจารย์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาผ่าน
ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่กลุ่มสมาชิกคณะราษฎรมีต่อกลุ่มเจ้านายช่วงนั้นแล้วพบว่า กลุ่มผู้ก่อตั้งคณะราษฎรล้วน
มีแต่ข้าราชการระดับกลางที่ยังขาดความอาวุโส แม้จะมีพลังทางอุดมการณ์ในการพัฒนาชาติด้วยแนวคิดชาตินิยม
ที่ไม่ยึดติดกับชาติก าเนิด ทว่าไม่มีพลังทางการเมืองเพียงพอที่จะไปต่อต้านพลังของชนชั้นน าเช่นกัน เป็นเหตุให้
คณะราษฎรต้องตัดสินใจปฏิวัติฉับพลันแทน เนื่องจากปัจจัย 2 ข้อ ได้แก่ ข้อแรก คนไทยมีความหัวอ่อนรักเจ้านาย
และยังไม่ได้เดือดร้อนทางเศรษฐกิจเทียบเท่ากับกรณีของปฏิวัติฝรั่งเศส จึงไม่สามารถปลุกระดมให้ปฏิวัติโดย
ประชาชนแบบฝรั่งเศส ขณะที่ข้อสอง ต้องป้องกันความวุ่นวายอันจะน าไปสู่การแทรกแซงของอังกฤษและฝรั่งเศส
ที่มีอาณานิคมรอบสยาม ประกอบบรรยากาศของการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการปลด ข้าราชการชั้นผู้น้อยในช่วงวิกฤต
ทางเศรษฐกิจ ยิ่งเป็นการกระตุ้นความไม่พอใจของกลุ่มข้าราชการระดับกลางและล่างที่เผชิญกับความไม่เป็นธรรม
จากกลุ่มเจ้านายท่ามกลางการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างล้มเหลว จนน ามาสู่การใช้ความล้มเหลวในการ
บริหารของระบอบเก่าดังกล่าวมาเป็นเหตุผลในการสนับสนุนพลังของกลุ่มคณะราษฎรในการเปลี่ยนแปลงระบอบ
การปกครอง