Page 98 - 23154_Fulltext
P. 98
93
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 เป็นผลที่เกิดขึ้นจากบริบททาง
ประวัติศาสตร์ที่เป็นการเปลี่ยนผ่านระบอบทางการเมืองสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อันเป็นความเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่หมุดหมายส าคัญในปี พ.ศ. 2398 ที่มีการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของสยาม
และขณะเดียวกันเหตุการณ์ดังกล่าวก็น าไปสู่พัฒนาการทางเศรษฐกิจที่มีเสรีทางการค้ายิ่งขึ้นและก่อให้เกิดการ
ขยับฐานะชนชั้นกลางพ่อค้าซึ่งระยะต่อมาได้ขยับขยายสู่การท างานในระบบราชการสมัยใหม่ พลังของข้าราชการ
ชนชั้นกลางได้เติบโตขึ้นพร้อมกับแนวคิดชาตินิยม อันเป็นแนวคิดที่กล่าวได้ว่า เชื่อในความเป็นส่วนหนึ่งของชาติที่
ได้และเสียประโยชน์ร่วมไปกับผลประโยชน์ของชาติ และการท าเพื่อผลประโยชน์ของชาติจึงเป็นหน้าที่ของทุกคน
โดยก้าวข้ามเรื่องของชาติก าเนิด ซึ่งในแง่ของอุดมการณ์ทางสังคม แนวคิดชาตินิยมนั้นขัดแย้งอย่างชัดเจนกับ
แนวคิดขัตติยะมานะที่เป็นการเชื่อในชาติก าเนิดอันสูงส่งและมีหน้าที่ท าเพื่อสังคม นอกจากนั้นในอีกด้านหนึ่ง
ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเองก็มีปัจจัยเกี่ยวข้อง เนื่องจากข้าราชการชนชั้นกลางต้องเผชิญกับ
ปัญหาทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลไม่สามารถรับมือไหว การปลดข้าราชการระดับล่างออกจากต าแหน่งจึงกลายเป็น
ทางออกที่น ามาสู่การเร่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม และในทางกลับกัน กลุ่มเจ้านายบางส่วนก็ลดฐานะทาง
เศรษฐกิจหรือล้มละลายลง เนื่องจากไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งไม่สามารถละทิ้งได้ตามหลัก
ขัตติยะมานะ ประกอบกับสถานการณ์การเมืองโลกที่เป็นกระแสการต่อต้านอ านาจสมบูรณาญาสิทธิ์เพื่อเปลี่ยน
ผ่านสู่ประชาธิปไตย ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเหล่านี้จึงมีผลสั่นคลอนความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่เป็นอยู่ในสังคม
จากเดิมที่ชนชั้นน ากลุ่มเจ้านายเคยครองความชอบธรรมในการชี้น าสังคมและมีเพียงการวิจารณ์ตอบโต้จากสามัญ
ชนผ่านสิ่งพิมพ์ สู่การที่ชนชั้นกลางทั้งนอกและระบบราชการพยายามวิพากษ์วิจารณ์สังคมการเมืองสยาม
บรรยากาศที่กล่าวมาจึงน ามาสู่สัมพันธภาพที่กษัตริย์และชนชั้นน ากลุ่มเจ้านายแม้จะครองอ านาจปกครองสัมบูรณ์
แต่ก็ไม่สามารถรักษาความชอบธรรมที่จะปกครองโดยทัดทานความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ต้องการรัฐธรรมนูญ
และประชาธิปไตยได้อีกต่อไป บรรยากาศที่เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงสู่การมีรัฐธรรมนูญจึงอาจถือได้ ว่าเป็น
รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมที่ก่อตัวขึ้นในสังคมสยามช่วงพุทธทศวรรษ 2470 และการเกิดปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
จึงเป็นเหตุการณ์ที่เป็นรูปธรรมที่สะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างเป็นทางการ
ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
พ.ศ. 2475 เป็นอย่างไม่สมดุลบนฐานของความได้เปรียบจากฝ่ายนิติบัญญัติที่มีต่อฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติได้รับ
อ านาจในการเลือกกรรมการราษฎรมาเป็นฝ่ายบริหาร และยังมีทั้งอ านาจในการลงคะแนนเพื่อถอดถอนกรรมการ
ราษฎร หรือถอดถอนพนักงานรัฐบาลได้เทียบเท่ากับอ านาจของฝ่ายบริหาร อีกทั้งในทางกลับกันฝ่ายบริหารยังไม่มี
อ านาจในการคานอ านาจของฝ่ายนิติบัญญัติด้วยการถอดถอนด้วยวิธีใดได้เลย นอกจากนั้นเมื่อพิจารณายังที่มาของ
ฝ่ายนิติบัญญัติจะยังสังเกตได้ว่าที่มายึดโยงกับการคัดเลือกของคณะราษฎรในช่วงแรกหลังจากการเปลี่ยนผ่านสู่
ระบอบรัฐธรรมนูญ ก่อนที่ 6 เดือนหลังจากนั้นจึงจะมีผู้แทนประเภทที่ 1 จากการเลือกตั้งทั่วประเทศโดยผู้มีสิทธิ
เลือกตั้งทั่วไป ควบคู่กับผู้แทนประเภทที่ 2 ซึ่งคงอยู่จากสมัยแรกที่คณะราษฎรเป็นผู้คัดเลือกมา หลังจากเข้าสู่สมัย
ที่ 3 จึงจะเป็นการเลือกตั้งผู้แทนทั้งหมด (ธ ารงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, 2543)
4.2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475