Page 100 - 23154_Fulltext
P. 100
95
เข้าไปก ากับได้ ถัดจากนี้ยังมีกรณีที่สอง ว่าด้วยการข้อถกเถียงว่าด้วยมาตรา 11 ฐานะความอยู่เหนือการเมืองของ
กลุ่มเจ้านาย ซึ่งได้รับข้อโต้แย้งจากทั้งกลุ่มเจ้านายที่ไม่พอใจจากการถูกกีดกันทางการเมืองเพราะชาติก าเนิด และ
ได้รับการโต้แย้งจากฝ่ายหัวก้าวหน้าที่สนับสนุนเรื่องความเสมอภาคของบุคคล แม้ว่าจะได้รับความเห็นชอบต่อ
มาตรานี้แต่ความไม่ลงรอยในประเด็นดังกล่าวก็ยังคงอยู่กับสังคมสยาม นอกจากนั้นแล้วกรณีที่สาม ยังเป็นความ
ขัดแย้งภายในระบบราชการระหว่างข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กับราชการชั้นผู้น้อย เนื่องจากข้าราชการได้กลายมาเป็น
พลังที่สามารถเข้ามามีบทบาทก าหนดทิศทางการเมืองระดับชาติภายใต้ความไม่ลงรอยระหว่างแนวคิดของผู้อาวุโส
ที่ต้องการสงวนพื้นที่ให้จารีตประเพณี ขณะที่ข้าราชการผู้น้อยซึ่งเป็นสมาชิกส่วนมากของคณะราษฎรต้องการให้มี
ความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันโดยอยู่บนฐานคิดเรื่องความเสมอภาคของบุคคล และน ามาสู่บรรยากาศการ
ถกเถียงในประเด็นต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น อายุขั้นต่ าของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งควรเป็นเท่าไร
ระหว่างข้อเสนอให้อยู่ที่ 20 ปีบริบูรณ์ และข้อเสนอให้เป็น 25 ปีบริบูรณ์ โดยผลลัพธ์เห็นชอบที่กึ่งกลางระหว่างทั้ง
สอง เป็น 23 ปีบริบูรณ์ หรือการริบคืนบรรดาศักดิ์ อันฝ่ายที่สนับสนุนคณะราษฎรมองว่าการแบ่งชนชั้นด้วย
บรรดาศักดิ์จะท าให้สังคมเกิดความแตกแยก ขณะที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มองว่าเป็นบรรดาศักดิ์ที่พระมหากษัตริย์
ประทานให้ ผลการประนีประนอมจากข้อเสนอของพระยามโนปกรณ์นิติธาดาจึงเป็นการเสนอให้คงบรรดาศักดิ์ไว้
แต่ไม่มีการตั้งยศเพิ่มไว้ในมาตรา 12 เพื่อเป็นการสร้างความเสมอภาคในทางอ้อม (ธ ารงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์,
2543)
ด้วยเหตุนี้ ภายในสภาผู้แทนราษฎรของระบอบใหม่ที่ก าลังตั้งตัวนั้นอยู่ในสถานะที่วัฒนธรรมการเมืองยัง
ไม่ลงรอยระหว่างกลุ่มข้าราชการผู้น้อยที่สังกัดกลุ่มคณะราษฎรซึ่งแสวงหาความเสมอภาคภายใต้ระบอบ
รัฐธรรมนูญ ปะทะกับแนวคิดของกลุ่มข้าราชการผู้ใหญ่ที่ยังเคยชินกับกรอบคิดของการสงวนพื้นที่ทางความคิด
ให้แก่ราชประเพณีโบราณและระบบอาวุโส ส่งผลให้ช่วงเวลาแห่งการออกแบบรัฐธรรมนูญแห่งสยามนั้นอยู่บนฐาน
ของความพยายามประนีประนอมโดยที่ยังคงมีรากของความขัดแย้งระหว่างประเพณีกับความเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
อย่างไรก็ตาม สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้เองก็ได้จัดระเบียบราชการเพื่อตัดทอนอ านาจของข้าราชการชั้น
ผู้ใหญ่ลงตามล าดับ และตามมาด้วยการโอนอ านาจหน้าที่เพิ่มให้แก่ข้าราชการชั้นรุ่นใหม่ภายใต้บรรยากาศของการ
ต่อต้านวัฒนธรรมของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เดิม ประกอบกับการปลดทั้งข้าราชการทหารและข้าราชการพลเรือนชั้น
ผู้ใหญ่ออกจากต าแหน่ง เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนถึงบทบาทของนิติบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไปในระบอบใหม่ที่มา
พร้อมกับการยอมรับสิทธิทางการเมืองของประชาชน และความเสมอภาคทางกฎหมายของประชาชนเช่นกัน
ดังนั้นแล้วฉันทามติทางการเมืองของสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งสยามฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2475 จึงยังไม่
ลงรอยนักแม้จะสามารถออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ส าเร็จ และได้กลายเป็นความขัดแย้งอันมีรากฐานจาก
ความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์ที่จะปะทุออกมาในระยะต่อไป นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ (2553)
โครงสร้างและอ านาจหน้าที่ของรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ