Page 86 - 23154_Fulltext
P. 86
81
“มาตรา 93 กฎหมายใดที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติ ได้รับการทบทวนจากวุฒิสภา
และได้รับการประกาศใช้จากกษัตริย์ ให้ถือว่ามีผลบังคับใช้ในกรุงพนมเปญภายใน 10 วัน และบังคับใช้ทั่ว
ประเทศใน 20 วัน”
ในส่วนของวุฒิสภา รายละเอียดเบื้องต้นเป็นไปตามมาตรา 99 มีสมาชิกไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาแห่งชาติ มี
วาระคราวละ 6 ปี โดยที่มาของวุฒิสภาตามมาตรา 100 มีทั้งสมาชิกแบบแต่งตั้งจากกษัตริย์ 2 คน และสมาชิกที่
ได้รับการเลือกตั้งจากเสียงข้างมากของสภาแห่งชาติ 2 คน วุฒิสมาชิกที่เหลือจะมาจากการเลือกตั้งแบบไม่เป็นการ
ทั่วไป
เช่นเดียวกับกรณีของสภาแห่งชาติ ตามมาตรา 104 วุฒิสภาได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายจากการถูก
จับกุม เว้นแต่วุฒิสภาและคณะกรรมาธิการสามัญลงความเห็นอนุมัติให้มีการจับกุมได้ ประกอบกับเสียงข้างมาก 2
ใน 3 ของวุฒิสมาชิกแสดงความเห็นชอบให้สามารถจับกุมได้
ขณะที่บทบาทนิติบัญญัติของวุฒิสภาตามมาตรา 113 เป็นไปดังนี้
“มาตรา 113 วุฒิสภาต้องพิจารณาร่างกฎหมายที่ได้รับจากสภาแห่งชาติภายใน 1 เดือน โดยเสนอ
ค าแนะน า หรืออนุมัติทั้งหมดกลับไปยังสภาแห่งชาติ
มาตรา 113 (2) หากวุฒิสภาส่งความเห็นอนุมัติกลับไปยังสภาแห่งชาติ หรือไม่ตอบกลับความคิดเห็นใด
ภายใน 1 เดือน ให้ถือว่าร่างกฎหมายสามารถประกาศใช้ได้
มาตรา 113 (3) หากวุฒิสภาส่งความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายกลับไปยังสภาแห่งชาติ สภาแห่งชาติสามารถ
ผ่านร่างกฎหมายเฉพาะส่วนที่วุฒิสภาเห็นชอบ หรือน าออกเฉพาะส่วนที่วุฒิสภาเสนอแก้ไข หรือน าออกบางส่วน
ของร่างกฎหมาย”
สรุป
เมื่อพิจารณาจากบริบททางประวัติศาสตร์แล้ว การสร้างชาติกัมพูชาอยู่ภายใต้การครอบง าโดยเผด็จการ
กองทัพมาโดยตลอด แม้ว่าความพยายามของสหรัฐอเมริกาและหน่วยงานอย่าง UNTAC จะพยายามเข้ามาสร้าง
หมุดหมายส าคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในกัมพูชาด้วยการสร้างรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1993 ทว่าโครงสร้าง
ของอ านาจและหน้าที่ของระบบรัฐสภาในรัฐธรรมนูญเป็นเพียงรัฐธรรมนูญที่เป็นฉากบังหน้าเท่านั้น (façade
constitution) ไม่ได้ส่งผลต่อการจัดสรรความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภากัมพูชามีความเป็นเสรี
ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้น าเผด็จการอย่างฮุน เซนยังคงครองอ านาจน าเหนือโครงสร้างสถาบัน
การเมืองของกัมพูชาเสมอมาแม้ว่าจะพ่ายในการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา ค.ศ. 1993 ให้แก่พรรคของเจ้าชายรณ
ฤทธิ์ก็ตาม ส่งผลให้รัฐสภากัมพูชาอยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมการพูดคุยต่อรองจากอ านาจชี้น าการเมืองของ
ฮุน เซนที่สามารถต่อรองภายใต้ระบบรัฐสภากัมพูชาที่ต้องการเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา ท าให้ฮุน เซนมี
อ านาจและกลไกการแต่งตั้งและถอดถอนสมาชิกรัฐสภาเพื่อควบคุมการเมืองกัมพูชามาได้ รวมถึงเมื่อการเลือกตั้ง
ค.ศ. 2013 ชัยชนะของพรรค CPP ของฮุน เซนเผชิญกระแสความนิยมที่ต่ าลง ยิ่งเป็นเหตุให้ความรุนแรงถูกเพื่อ
ครอบง าการเมืองมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการใช้ความรุนแรงของการใช้อ านาจจับกุมทั้งสมาชิกรัฐสภาและนักกิจกรรม

