Page 49 - 23154_Fulltext
P. 49

44


                              “มาตรา 73 (2) รัฐสภาสามารถจัดให้มีประชุมวาระพิเศษตามค าขอของรัฐบาล ผู้แทนถาวร หรือ

                       เสียงข้างมากของทั้งสองสภา โดยการประชุมพิเศษนี้ต้องก าหนดประเด็นเฉพาะเจาะจงไว้”
                              “มาตรา 75 (2) รัฐสภาสามารถเชิญคณะกรรมาธิการถาวรประจ าฝ่ายนิติบัญญัติมาร่วมพิจารณา
                       ร่างกฎหมายไม่ว่าจะมาจากรัฐบาลหรือที่ไม่ได้มาจากรัฐบาลก็ได้ นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการชุดใหญ่

                       สามารถร้องขอรัฐบาลให้น าร่างกฎหมายมาพิจารณาได้”

                              “มาตรา 79 (1) เพื่อยุติความตกลงหนึ่งที่ยังตัดสินไม่ได้ สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงความคิดเห็น
                       ตัดสิน โดยได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร”


                       3)  สมดุลของความสัมพันธ์เชิงอ านาจ สภาผู้แทนราษฎรเหนือกว่าวุฒิสภา สังเกตได้จากอ านาจในการ

                          ผ่านกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังเกตได้จากรัฐบาลซึ่งมีอ านาจยุบได้ทั้งสองสภา
                              “มาตรา 115 (1) นายกรัฐมนตรีภายใต้ความยินยอมของรัฐมนตรีสามารถขอให้มีการยุบสภา
                       ผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือทั้งรัฐสภาได้ หากมีการยุบสภาให้มีการก าหนดวันเลือกตั้งทั่วไป”



                       สรุป

                       กรณีระบบรัฐสภาของสเปน กล่าวได้ว่าหลังจากห้วงเวลาการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษ

               1970 แล้ว ความเป็นประชาธิปไตยที่สังคมการเมืองได้รับมากขึ้นกลับยังไม่สามารถสะท้อนผ่านการท างานของ
               รัฐสภาออกมาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบรัฐสภายังคงมีความอ่อนแอไม่มีเสถียรภาพอย่างเพียงพอและไม่
               สามารถผลักดันกฎหมายออกมาได้โดยง่ายจากฝ่ายพรรคการเมืองรัฐบาล จุดเปลี่ยนที่เป็นหมุดหมายส าคัญของ

               พัฒนาการทางการเมืองของสเปน คือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1978
                       รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1978 เป็นกลไกเชิงสถาบันที่ส าคัญที่เปลี่ยนรูปแบบความสัมพันธ์เชิงอ านาจของรัฐสภา

               สเปนใหม่ โดยมีหลักการส าคัญก็คือ ความเข้มแข็งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเกิดจากการวางกรอบอ านาจของระบบ
               รัฐสภาในสามส่วนส าคัญ ได้แก่ 1) อ านาจรัฐบาล ส่งผลให้พรรคการเมืองปรับตัวให้ชูผู้น าทางการเมืองที่โดดเด่น

               และผู้แทนราษฎรที่มีพฤติกรรมเป็นไปตามความต้องการของพรรคชัดเจน ส่งผลให้เกิดการจับกลุ่มขั้วอ านาจทาง
               การเมืองที่ตั้งเป้าหมายเป็นพรรครัฐบาลในระยะยาว ขณะที่พรรคที่ไม่ปรับตัวให้มีความเข้มแข็งหรือควบคุมสมาชิก

               พรรคอย่างเคร่งครัด พรรคดังกล่าวก็จะไม่มีอ านาจต่อรองทางการเมืองภายใต้ระบบรัฐสภาหลัง ค.ศ. 1789 ดังเช่น
               พรรคอนุรักษ์นิยมสเปนที่พ่ายต่อพรรคแนวซ้ายกลางที่มีวินัยพรรคเคร่งครัดกว่า 2) อ านาจของวุฒิสภาที่ลดลง
               ส่งผลให้การท างานของสภาผู้แทนราษฎรสะดวกจากการไม่ถูกขัดขวางโดยการตรวจสอบในชั้นการตรวจสอบของ

               วุฒิสภา อีกทั้งที่มาของวุฒิสภาเองก็ยึดโยงกับความเป็นตัวแทนของภูมิภาค และบางส่วนก็ได้รับเลือกตั้งตามหลัก
               ประชาธิปไตยเช่นกัน 3) ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาสเปนก็ไม่ได้ละเลยหลักการกระจายอ านาจ

               ไม่ได้มุ่งที่จะรวมศูนย์อ านาจไว้ที่พรรครัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว หากแต่ยังให้ความส าคัญกับคณะกรรมาธิการที่
               ท างานร่วมกับทั้งตัวแทนจากแต่ละภูมิภาค ตลอดจนการสนับสนุนให้ตัวแทนภูมิภาคเข้าปกป้องผลประโยชน์

               แห่งชาติและท้องถิ่นจากนโยบายขององค์การระหว่างประเทศอย่างสหภาพยุโรปอีกด้วย
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54