Page 44 - 23154_Fulltext
P. 44

39


                       ตามมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญเดนมาร์ก ค.ศ. 1953 ได้ก าหนดถึงเหตุแห่งการยุติบทบาทของรัฐมนตรี

               และนายกรัฐมนตรีไว้ว่า
                              “มาตรา 15 (1)  รัฐมนตรีจะต้องพ้นจากต าแหน่งหากสมาชิกรัฐสภาลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคน
                       ดังกล่าว”

                               “มาตรา 15 (2) เมื่อรัฐสภาลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจะขอให้ปลดรัฐมนตรี

                       ชุดเดิมหรือจะให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ก็ได้ โดยระหว่างที่มีค าสั่งปลดหรือจัดเลือกตั้งทั่วไป รัฐมนตรีเดิม
                       จะด ารงต าแหน่งเดิมไปพลางเท่าที่จ าเป็นต้องภารกิจที่ต้องด าเนินการต่อเนื่อง”
                       ตามมาตรา 16 ของรัฐธรรมนูญเดนมาร์ก ค.ศ. 1953 ได้ก าหนดอ านาจในการถอดถอนรัฐมนตรีไว้ว่า

                              “มาตรา 16 รัฐมนตีสามารถถูกยื่นถอดถอน (impeached) ในข้อหาของใช้อ านาจบริหารโดยมิ

                       ชอบ (maladministration of office) ผู้ยื่นจะได้แก่กษัตริย์หรือรัฐสภา โดยศาลสูงจะมีหน้าที่ไต่สวนคดี
                       ความใช้อ านาจบริหารโดยมิชอบตามที่ได้รับการยื่นถอดถอนมา”
                       2) ความสัมพันธ์เชิงอ านาจทางอ้อมของกษัตริย์กับรัฐสภา จากรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1953 ของเดนมาร์ก

               สะท้อนให้เห็นว่ากษัตริย์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งชาติซึ่งปราศจากอ านาจทางการเมืองในการต่อรองกับฝ่ายบริหาร
               สถาบันนิติบัญญัติ ตลอดจนสถาบันตุลาการ เนื่องจากอ านาจในการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของสถาบัน

               การเมืองที่มาจากประชาชนเหล่านี้ทั้งสิ้น
                       แม้ว่าเดนมาร์กจะมีสภาแห่งชาติ (council of state) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้กษัตริย์เดนมาร์กตามมาตรา 17

               ของรัฐธรรมนูญเดนมาร์ก ค.ศ. 1953   ทว่าสภาดังกล่าวมีอ านาจและหน้าที่เพียงตามมาตรา 17 (2) จึงไม่สามารถ
               เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่สภาแห่งชาติจะเข้ามาเป็นตัวแทนของสถาบันกษัตริย์ในการแทรกแซงการเมืองของรัฐสภา

               เดนมาร์กได้แต่อย่างใด
                              “มาตรา 17 (2) กฎหมายทุกฉบับและประกาศส าคัญจากรัฐบาลจะต้องถูกน ามาถกเถียงในสภา

                       แห่งชาติ”
                       นอกจากนั้นแม้ว่ากษัตริย์จะทรงอ านาจในการอภัยโทษให้แก่รัฐมนตรีได้ แต่การอภัยโทษต้องเป็นไปตาม

               เงื่อนไขของมาตรา 24
                              “มาตรา 24 กษัตริย์ทรงไว้ซึ่งอ านาจอภัยโทษ และสามารถให้รัฐมนตรีมีสถานะพ้นผิดได้ ทว่า

                       ต้องขึ้นอยู่กับค าตัดสินจากศาลสูง และได้รับความยินยอมจากรัฐสภาเท่านั้น”
                       3) การต่อรองในการผ่านกฎหมายรัฐสภา รัฐสภาเดนมาร์กจะใช้ระบบผ่านกฎหมายด้วยเสียงเห็นชอบใน

               สภาตามเงื่อนไขของมาตรา 20 (2) ของรัฐธรรมนูญเดนมาร์ก ค.ศ. 1953
                              “มาตรา 20 (2) เมื่อรัฐสภาต้องการผ่านร่างกฎหมาย จ าเป็นต้องใช้อัตราส่วนเสียงเห็นชอบ 5:6

                       ของสมาชิกรัฐสภาจึงจะสามารถผ่านร่างกฎหมายแต่ละฉบับได้ หากเสียงข้างมากไม่ได้ลงคะแนนเห็นชอบ
                       รัฐบาลสามารถยืนยันที่จะผ่านกฎหมายโดยส่งไปเป็นการลงคะแนนประชามติโดยประชาชนได้ตามมาตรา

                       42”
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49