Page 47 - 23154_Fulltext
P. 47

42


               หลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญสเปน ค.ศ. 1978 การเมืองของสเปนมีการก าหนดความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่มี

               การกระจายอ านาจลงสู่ระดับภูมิภาคในฐานะที่เป็นระบบที่จัดความสัมพันธ์ร่วมระหว่างองค์กรระหว่างรัฐบาลให้มี
               การแบ่งปันอ านาจร่วมกับสหภาพยุโรป โดย Bourne ได้อธิบายโดยหลักในสองส่วนส าคัญ ได้แก่ ส่วนแรกคือ
               ภายในรัฐสภาในการจัดสรรให้มีตัวแทนสัดส่วนของระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะในสัดส่วนของพรรคการเมืองชาตินิยม

               หรือภูมิภาคนิยมขนาดเล็ก หรือสัดส่วนของวุฒิสมาชิกในสภาซึ่งมาจากการเลือกระดับภูมิภาค ตัวแทนสัดส่วนของ
               ภูมิภาคดังกล่าวจะสามารถเข้ามามีบทบาทแสดงความคิดเห็นหรือต่อรองในสภาเพื่อผลักดันกฎหมายสนับสนุน

               ภูมิภาคที่ตนเองเป็นตัวแทน แม้ว่าสัดส่วนของวุฒิสมาชิกจะท าได้เพียงเสนอความคิดเห็นและยืนกฎหมายตามที่
               สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอมา แต่อ านาจในการต่อรองแท้จริงของวุฒิสภาจะอยู่ที่คณะกรรมาธิการทั่วไปเพื่อ

               ยกระดับบทบาทในพื้นที่ของชุมชนปกครองตนเองแห่งวุฒิสภา (General Commission for Autonomous
               Communities enhanced the territorial role of the Senate) ซึ่งภายใต้บทบาทนี้วุฒิสภาจะมีอ านาจ

               เชื่อมโยงกับกรอบการท างานภายใต้นโยบายของสหภาพยุโรป กรณีของแคว้นบาสก์ที่มีวุฒิสมาชิกในสัดส่วน
               ภูมิภาค 3 คน และมักได้รับสัดส่วนตัวแทนของพรรคการเมืองอย่างพรรคชาตินิยมบาสก์ (Partido Nacionalista
               Vasco: PNV) อีก 1 คน ซึ่งทั้ง 4 คน (หรือในบางสมัยของรัฐสภาอาจไม่ได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งครบทั้ง 4 คน)

               สามารถน าประเด็นการเมืองของแคว้นบาสก์มาถกเถียงในสภาได้ผ่านอ านาจของคณะกรรมาธิการ เพื่อคุ้มครอง
               ผลประโยชน์ของภูมิภาคจากกรอบนโยบายของสหภาพยุโรปไม่ว่าจะจากทั้งในคณะกรรมาธิการทั่วไปเพื่อยกระดับ

               บทบาทในพื้นที่ของชุมชนปกครองตนเองแห่งวุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการผสมประเด็นสหภาพยุโรป ซึ่งตัวอย่าง
               ความส าเร็จในการจัดความสัมพันธ์ทางการเมืองในการคุ้มครองความอิสระโดยกรรมาธิการชุดดังกล่าวได้ผลลัพธ์
               เป็นข้อตกลงจากวาระการประชุมกว่า 15 ชุดจากห้วงเวลา ค.ศ. 1990-2005

                       ทั้งนี้กล่าวสรุปได้ว่า หลังจากการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของสเปนในทศวรรษ 1970 การเมืองของ

               สเปนก่อน ค.ศ. 1979 กล่าวได้ว่ายังคงเผชิญกับปัญหาของระบบรัฐสภาที่ไม่เอื้อต่อการผ่านกฎหมายส าคัญ
               เนื่องจากยังสามารถสร้างเสถียรภาพให้แก่พรรคการเมืองสามารถท างานได้ในฐานะของสถาบันการเมืองที่มีความ
               เข้มแข็ง ดังนั้นการจัดความสัมพันธ์ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาสเปนซึ่งเป็นระบบสภาคู่ภายใต้

               ระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงเป็นหมุดหมายที่ส าคัญยิ่งจากการก่อรูประบบ
               การเมืองโดยสถาบันการเมืองที่ตั้งมั่นอย่าง “รัฐธรรมนูญสเปน ค.ศ. 1978” ผลลัพธ์ส าคัญที่ตามมามีสามประการ

               ได้แก่ ประการแรกคือ สเปนมีระบบรัฐสภาที่สภาผู้แทนราษฎรมีความเข้มแข็งสูง ระบบพรรคการเมืองเน้นรวม
               ศูนย์อ านาจไว้ที่ตัวผู้น าและควบคุมพฤติกรรมสมาชิกให้มีทิศทางชัดเจนเพื่อให้สะดวกต่อการจัดตั้งรัฐบาลที่มี

               เอกภาพ ประการที่สอง วุฒิสภาแม้จะมีดุลอ านาจน้อยกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่วุฒิสภาก็มีความส าคัญใน
               ฐานะของตัวแทนจากภูมิภาคในการสะท้อนเสียงการเรียกร้องผลประโยชน์ของภูมิภาค ไม่ว่าจะเพื่อการต่อรอง

               ภายในรัฐสภา หรือเพื่อต่อรองผ่านอ านาจของคณะกรรมาธิการในการต่อรองกับองค์การระหว่างประเทศที่มี
               อ านาจน าเหนือรัฐอย่างสหภาพยุโรปก็ตาม



                       โครงสร้างและอ านาจหน้าที่ของรัฐสภา: มิติความสัมพันธ์เชิงอ านาจ
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52