Page 46 - 23154_Fulltext
P. 46

41


               เกิดฉันทามติของแต่ละกลุ่มทางสังคมในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในทศวรรษ 1970  ส่งผลให้ระบบรัฐสภา

               ของสเปนมีความเข้มแข็งมากขึ้นจากการที่ระบบพรรคการเมืองเน้นการรวมศูนย์อ านาจให้หัวหน้าพรรคเพื่อเตรียม
               ความพร้อมให้พรรคพร้อมเป็นพรรครัฐบาล ทั้งนี้กว่าสองทศวรรษผ่านไปหลังเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของสเปน
               De Dios เสนอข้อถกเถียงว่า หมุดหมายส าคัญของการพัฒนาระบบพรรคการเมืองอันส่งผลต่อความสัมพันธ์เชิง

               อ านาจในรัฐสภาอยู่ที่ “รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1978 ของสเปน” ซึ่งก่อให้เกิดความสัมพันธ์เชิงอ านาจแบบฉันทามติใน
               ระบบรัฐสภาสเปน เนื่องจากรัฐธรรมนูญดังกล่าวก่อให้เกิดปัจจัย ได้แก่ ระบบหลายพรรคการเมือง ระบบเลือกตั้ง

               แบบสัดส่วน ระบบสองสภา และอ านาจปกครองตนเองระดับภูมิภาค แล้วความสัมพันธ์เชิงอ านาจแบบฉันทามติ
               ดังกล่าวก็ได้ก่อให้เกิดผลที่ตามมา 3 ประการ ได้แก่

                   1)  นายกรัฐมนตรีมีอ านาจเหนือรัฐบาล
                   2)  วุฒิสภาอ่อนแอ ไม่สามารถทั้งออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงไม่สามารถร่วมลงมติไม่ไว้วาง ใจ

                       นายกรัฐมนตรี
                   3)   ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วน

                       ผลทั้งสามประการเหล่านี้ ยิ่งส่งผลให้พรรคการเมืองหลักในสภาปรับตัวสู่การเป็นสถาบันการเมืองใน
               ลักษณะที่มีอ านาจอย่างสูงในการเลือกผู้สมัครชิงต าแหน่งนากรัฐมนตรีของพรรค ตลอดจนมีความเคร่งครัดยิ่งใน

               การควบคุมพฤติกรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคให้เป็นไปตามที่พรรคต้องการ เช่นเดียวกันกับการ
               ครอบง าทางอ้อมต่อพฤติกรรมของพรรคร่วมรัฐบาลให้สอดคล้องกับพรรคแกนน ารัฐบาลที่ครองอ านาจน าต้องการ
               เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรมีอ านาจเข้มแข็งกว่าวุฒิสภามาก อ านาจต่อรองจึงขึ้นอยู่กับพรรคแกนน ารัฐบาลที่

               ควบคุมอ านาจน าในความสัมพันธ์ทางการเมืองในรัฐสภาได้ส าเร็จ
                       Mújica and Sánchez-Cuenca (2006) อธิบายว่า ระบบรัฐสภาประชาธิปไตยของสเปนมีหมุดหมาย

               ส าคัญในปี ค.ศ. 1979 หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญสเปน ค.ศ. 1978 ท าให้สเปนมีระบบสภาคู่ที่ดุลอ านาจของ
               สภาผู้แทนราษฎรครองอ านาจเหนือกว่าวุฒิสภา อีกทั้งยังส่งผลให้ระบบรัฐสภาสเปนนิยมรวมรัฐบาลเสียงข้างมาก

               ในการตั้งรัฐบาลเป็นหลัก พรรคที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการเชิงสถาบันการเมืองในครั้งนี้ก็คือ พรรคสังคมนิยม
               แรงงานสเปน (Partido Socialista Obrero Español, PSOE) ซึ่งเป็นพรรคแนวซ้ายกลางที่ชูอุดมการณ์สังคมนิยม

               ประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม การที่รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1978 ต้องเปิดโอกาสให้เกิดพรรคการเมืองเข้มแข็งมาตั้ง
               รัฐบาลเสียงข้างมาก เพราะเหตุเกิดจากช่วงก่อน ค.ศ. 1977 ระบบรัฐสภาสเปนต้องเผชิญกับปัญหาของระบบไม่
               เข้มแข็งเพียงพอจนต้องตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่งผลให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับสามารถ

               ตราออกมาผ่านกระบวนการรัฐสภาได้ยากมาก เนื่องจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยต้องต่อรองกับฝ่ายค้านเสียงข้างมาก
               จนกว่าจะสามารถผ่านร่างกฎหมายแต่ละฉบับ ภายใต้ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่รัฐบาลไม่สามารถต่อรองอ านาจ

               ตรากฎหมายกับเสียงข้างมากได้จึงเป็นปัจจัยที่น ามาสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ปรับสมดุลทางอ านาจของระบบ
               รัฐสภาสเปนในระยะเวลาต่อมา

                       ค าถามส าคัญต่อมาคือ หากรัฐสภามี “สมดุล” ในลักษณะที่พรรคการเมืองในสภาเข้มแข็งและมีอ านาจ
               ต่อรองสูงเหนือฝ่ายค้านและวุฒิสภานั้น จะน าไปสู่การรวมศูนย์อ านาจและลดทอนมิติความเป็นประชาธิปไตย

               หรือไม่ มีการอธิบายอธิบายว่าระบบการเมืองสเปนอาจจะไม่ได้รวมศูนย์เช่นนั้น Bourne (2008) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51